หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้
13
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์,ลุ้นทดสอบ 1,830 จุดอีกครั้ง หลังสภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกม.งบประมาณชั่วคราว
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,810-1,830 จุด หลัก ๆ มาจากการรอดูว่าสหรัฐฯจะหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือ ชัตดาวน์บางองค์กรได้หรือเปล่า ซึ่งล่าสุดเช้านี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมีมติให้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้วุฒิสภาสหรัฐพิจารณาเป็นลำดับต่อไป ตรงนี้ทำให้เป็น Sentiment ที่ดีเล็ก ๆ ให้กับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยืนในแดนบวกได้
สำหรับบ้านเราจะต้องรอดูว่าจะผ่านแนว 1,830 จุดได้หรือไม่ หลังจากที่ทดสอบมา 3 ครั้งแล้วก็ยังไม่ผ่าน พร้อมให้ติดตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่พุ่งเกิน 2.6% แล้ว เนื่องจากกลัวว่าจะทำให้ตลาดสหรัฐฯปรับฐาน และยังกระทบมาฝั่งเอเชียด้วย อาจจะทำให้ Fund Flow ไหลกลับ
พร้อมให้แนวรับ 1,815-1,810 จุด ส่วนแนวต้าน 1,830 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ม.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,017.81 จุด ลดลง 97.84 จุด (-0.37%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,798.03 จุด ลดลง 4.53 จุด (-0.16%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,296.05 จุด ลดลง 2.23 จุด (-0.03%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 90.74 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.87 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 20.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 52.01 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.79 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.79 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ม.ค.61) 1,819.32 จุด ลดลง 9.56 จุด (-0.52%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 244.26 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ม.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ม.ค.61) ปิดที่ระดับ 63.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ม.ค.61) ที่ 5.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.90 แนวโน้มแข็งค่าจากแรงขายดอลล์ เหตุวิตกชัตดาวน์ในสหรัฐฯ
- "สมคิด" ปัดข่าว "แบงก์ชาติ" เข้าแทรกแซงค่าเงินบาท ย้ำแค่ดูแลไม่ให้ผันผวนเร็ว ยินดีให้สหรัฐเข้าตรวจสอบ มั่นใจทุกอย่างโปร่งใส "คลัง" ไม่ห่วงถูกขึ้นบัญชีดำ ขณะสภาความสัมพันธ์ต่างประเทศสหรัฐระบุชัดไทยส่อ เข้าเกณฑ์บิดเบือนค่าเงินทั้ง 3 ข้อ เสี่ยงถูกขึ้นบัญชีปั่นค่าเงิน
- รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศในครั้งนี้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.4% ค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 305.44 บาท เป็น 315.90 บาท หรือเฉลี่ย 10.50 บาท มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ต่ำสุด 0.0008% สูงสุด 0.1% หรือเฉลี่ย 0.05% ซึ่งถือว่าไม่มาก ผู้ผลิตจะใช้เป็นเหตุผลปรับขึ้นราคาสินค้าไม่ได้
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกของนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ส่งถึง รมว.คลัง เพื่อชี้แจงเหตุผลที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปี 2560 อยู่ที่ระดับ 0.66% ต่ำกว่ากรอบล่างของเป้าหมายนโยบายการเงิน โดยเป็นผลมาจากราคาอาหารสดปรับลดลง และกำลังซื้อในประเทศยังอ่อนแอ แต่เศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัวดีขึ้น จึงไม่สะท้อนภาวะเงินฝืด
- ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มี.ค. 2561) อยู่ที่ 153.94 จุด เพิ่มขึ้น 2.08% เล็กน้อย มาอยู่ที่ 150.81 จุด และยังร้อนแรง หากมองเป็นนักลงทุนรายกลุ่มความเชื่อมั่นของกลุ่ม บัญชีบริษัทหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นมาสูงสุดถึง 50% ขณะที่สถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นไม่ถึง 1% ส่วนดัชนีนักลงทุนต่างประเทศมีมุมมอง ลดลง 2.78% และนักลงทุนรายบุคคลลดลง 3.61%
- สำนักงบประมาณ แจงรัฐบาลอัดงบกลางปี 2561 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาทไม่ใช่ประชานิยม ยันเป็นการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ระบุมีขั้นตอนการเสนอ และใช้งบชัดเจน ตรวจสอบได้
*หุ้นเด่นวันนี้
- AP (ไอร่า) เป้า 10.20 บาท คาด Q4/60 มีกำไรสุทธิ 1,138 ลบ.(+79%QoQ แต่ -10%YoY) สูงสุดในรอบปี 60 จาก Backlog รอโอน ทั้งโครงการแนวราบและคอนโด ประมาณ 5,700 ลบ. และการส่งมอบโครงการคอนโดใหม่ อีก 3 โครงการ แบ่งเป็น (1) โครงการของ AP เอง 2 โครงการ ได้แก่ Aspire Erawan เฟส 1 มูลค่า 3,500 ลบ.มียอดขาย 44% และ Life Sukhumvit 48 มูลค่า 2,200 ลบ. มียอดขายแล้ว 100% และ (2) โครงการร่วมทุน ที่พร้อมส่งมอบ อีก 1 โครงการ ได้แก่ Rhythm Rangnam มูลค่า 2,700 ลบ. ขายหมดแล้ว 100% ซึ่งคาดเข้ามาช่วยเพิ่มส่วนแบ่งกำไรใน Q4/60 ขณะที่คาดทั้งปี 60 มีกำไรสุทธิ 3,087 ลบ. เติบโต 14%
- BBL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 244 บาท กำไร Q4/60 ดีกว่าคาด 8,496 ลบ. +4.1% Q-Q, +2.8% Y-Y จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากค่าธรรมเนียมการปล่อยสินเชื่อ (สินเชื่อ Q4/60 เติบโตดีสุดในปี) กำไรสุทธิปี 2560 อยู่ที่ 3.3 หมื่นลบ. +3.8% Y-Y จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลง ส่วนคุณภาพหนี้ทรงตัว
- TMB (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 3.36 บาท กำไร Q4/60 อยู่ที่ 2,257 ล้านบาท ดีขึ้น 13%QoQ และ 6%YoY และดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า โดยสำรองหนี้ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เป็นปัจจัยหนุนหลักในไตรมาสนี้ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิทรงๆ QoQ แม้สินเชื่อจะเติบโตดี แต่เป็นสินเชื่อที่ Yield ต่ำ พร้อมยังมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มปี 61 โดยเห็นศักยภาพในการเติบโตของรายได้ และการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรองหนี้
- BANPU (เคจีไอฯ) "ซื้อ"เป้าหมาย 24 บาท ขณะที่บริษัทแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าศาลฎีกามีกำหนดการพิจารณาพิพากษาคดีหงสาในวันที่ 6 มีนาคม 2561 เวลา 9.00 น. ซึ่งเคจีไอฯได้คำนวณผลกระทบจากคดีหงสาในกรณีเลวร้ายที่สุดเอาไว้ที่ 4.50 บาท/หุ้น โดยอิงจากการพิจารณาค่าเสียหายทั้งหมดตามศาลชั้นต้นที่ 3.17 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมผลกระทบใด ๆ จากคดีสงหาไว้ในการประเมินราคาหุ้นพื้นฐาน

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น จับตาร่างกม.งบประมาณชั่วคราวสหรัฐ
        ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรดีดตัวขึ้น โดยนักลงทุนติดตามความคืบหน้าของร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของสหรัฐที่ถูกส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาแล้ว หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 23,836.84 จุด เพิ่มขึ้น 73.47 จุด, +0.31% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 32,154.21 จุด เพิ่มขึ้น 32.27 จุด, +0.10% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,825.18 จุด เพิ่มขึ้น 3.58 จุด, +0.20%
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 230 ต่อ 197 ให้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเมื่อคืนนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้วุฒิสภาสหรัฐพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
ในวันนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2561 สู่ระดับ 3% จากที่คาดการณ์ไว้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ที่ระดับ 2.9%
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2561 หลังจากธนาคารกลางมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งจะมีการเปิดเผยเวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย
สำหรับสัปดาห์หน้า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะยังคงนโยบายการเงินไว้ในการประชุมวันที่ 22-23 ม.ค. และคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะเริ่มคุมเข้มนโยบายในช่วงเดือนก.ย.หรือต.ค.
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการแบงก์ชาติญี่ปุ่นจะได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ผู้ว่าการอีกสมัย

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 24.47 จุด เหตุเงินปอนด์แข็ง,วิตกผลประกอบการ
       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (18 ม.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง ซึ่งรวมถึงเอบี ฟู้ดส์
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,700.96 จุด ลดลง 24.47 จุด หรือ -0.32%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนนี้ เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
หุ้นเอบี ฟู้ดส์ ร่วงลง 3.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ลดลงในช่วง 16 สัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ม.ค. เนื่องจากธุรกิจน้ำตาลที่ซบเซาลง
ส่วนหุ้นคันทรีไวด์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอังกฤษ ดิ่งลง 19% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรลดลง 9% ในปี 2560 ขณะที่หุ้นไรท์มูฟ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่เช่นกัน
หุ้นวิทเบรด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานเครือโรงแรมพรีเมียร์ อินน์ พุ่งขึ้น 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ออกมาสอดคล้องกับนักวิเคราะห์
นักลงทุนจับตากระบวนการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากสภาสามัญชนของอังกฤษ (House of Commons) มีมติผ่านร่างกฎหมายว่าด้วย Brext เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ถูกส่งต่อไปยังสภาขุนนาง (House of Lords) ของอังกฤษ ซึ่งสภาขุนนางจะพิจารณาเนื้อหาในร่างกฎหมายอย่างละเอียดมากขึ้น

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก หลังจีนเผย GDP ปี 60 ขยายตัวเกินเป้า
       ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนที่ขยายตัวเกินเป้าในปี 2560 ขณะที่หุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์พุ่งขึ้นขานรับรายงานคาดการณ์ที่ว่า ยอดการจัดส่งเซมิคอนดัคเตอร์ในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.2% ปิดที่ 398.74 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,281.43 จุด เพิ่มขึ้น 97.47 จุด, +0.74% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,494.83 จุด เพิ่มขึ้น 0.84 จุด, +0.02% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,700.96 จุด ลดลง 24.47 จุด, -0.32%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้น หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า GDP ของจีนตลอดปี 2560 ขยายตัว 6.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของทางการจีนที่ระดับ 6.5% นอกจากนี้ จีนยังเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมตลอดปี 2560 ขยายตัว 6.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่ขยายตัว 6%
หุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์พุ่งขึ้น นำโดยหุ้นอินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ ทะยานขึ้น 5.6% ขณะที่หุ้นเอเอ็มเอส เอจี พุ่งขึ้น 4.% โดยหุ้นกลุ่มดังกล่าวด้รับปัจจัยหนุนจากรายงานคาดการณ์ที่ว่า ยอดจัดส่งเซมิคอนดัคเตอร์ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.01 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2564
หุ้นไรอันแอร์ โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากผู้บริหารของไรอันแอร์เปิดเผยว่า กลุ่มนักบินของไรอันแอร์ได้ตกลงยอมรับเงื่อนไขการปรับเพิ่มค่าตอบแทนอีก 20%
อย่างไรก็ตาม หุ้นเอบี ฟู้ดส์ ร่วงลง 3.6% ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ โดยราคาหุ้นเอบี ฟู้ดส์ร่วงลงหลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ลดลงในช่วง 16 สัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ม.ค. เนื่องจากธุรกิจน้ำตาลที่ซบเซาลง
ส่วนหุ้นคันทรีไวด์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอังกฤษ ดิ่งลง 19% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรลดลง 9% ในปี 2560 ขณะที่หุ้นไรท์มูฟ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่เช่นกัน
หุ้นวิทเบรด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานเครือโรงแรมพรีเมียร์ อินน์ พุ่งขึ้น 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ออกมาสอดคล้องกับนักวิเคราะห์

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 97.84 จุด เหตุวิตกชัตดาวน์,หุ้นอุตสาหกรรมร่วง
       ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลว่าสภาคองเกรสสหรัฐอาจไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันเส้นตายในวันนี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือ ชัตดาวน์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงหุ้นโบอิ้ง และหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,017.81 จุด ลดลง 97.84 จุด หรือ -0.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,798.03 จุด ลดลง 4.53 จุด หรือ -0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,296.05 จุด ลดลง 2.23 จุด หรือ -0.03%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับฐานลงเมื่อคืนนี้ หลังจากทะยานขึ้นทำนิวไฮเมื่อวันพูธที่ผ่านมา โดยปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้มาจากความกังวลที่ว่า หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอาจถูกชัตดาวน์เนื่องจากขาดงบประมาณในการดำเนินงาน หากสภาคองเกรสไม่สามารถลงมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันก่อนเส้นตายในวันนี้ โดยในขณะนี้สมาชิกสภาคองเกรสยังคงมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับนโยบายรับคนเข้าเมือง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่หน่วยงานของรัฐบาลอาจถูกชัตดาวน์ ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับพรรคเดโมแครตที่จะช่วยหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าว ก่อนที่จะถึงเส้นตายในวันนี้
ขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐกำลังบริหารประเทศด้วยงบประมาณชั่วคราวเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เริ่มต้นปีงบประมาณ 2561 เมื่อเดือนต.ค.2560 โดยงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุลงในวันนี้
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง และเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบ โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 3.1% และหุ้นจีอี ดิ่งลง 3.3% ทั้งนี้ หุ้นโบอิ้งและจีอีถือเป็นหุ้นที่มีน้ำหนักมากในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ และการร่วงลงของหุ้นทั้งสองตัวนี้ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.6%
หุ้นอัลโค คอร์ป ซึ่งผู้ผลิตแร่อลูมิเนียมรายใหญ่ระดับโลก ร่วงลง 7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของวอลล์สตรีท
หุ้นอเมซอน ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซของสหรัฐ ปิดตลาดทรงตัว หลังจากบริษัทได้จัดทำรายชื่อ 20 เมืองที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกสำหรับการสร้างสำนักงานใหญ่แห่งที่ 2 ของบริษัท โดยอเมซอนจะใช้จ่ายเงินจำนวน 5 พันล้านดอลลาร์ในเมืองที่จะมีการสร้างสำนักงานใหญ่แห่งที่ 2 และจะจ้างงานจำนวน 50,000 ตำแหน่ง
หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับตัวขึ้น 0.9% หลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 9.50 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.20 พันล้านดอลลาร์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายได้ในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งซึ่งอยู่ที่ระดับ 4.41 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.32 พันล้านดอลลาร์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 41,000 ราย สู่ระดับ 220,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2516 ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านทรุดตัวลง 8.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.192 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2559
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยวันนี้ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งจะมีการรายงานในเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาไทย
--อินโฟเควสท์
OO4651

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!