หมวดหมู่: บทความการเงิน

1aaหลกเลยง5


หลีกเลี่ยง 5 พฤติกรรมชวนกระเป๋าฉีก....ด้วยการออมเงิน

       หลายคนอาจรู้สึกว่า สมัยนี้ค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่สมดุลกับรายรับที่คงที่สักเท่าไร นอกจากจะรู้สึกว่ารายได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้จ่าย ยังปลอบใจว่าดีเท่าไรแล้วที่ไม่เป็นหนี้ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องการออมเงินที่ดูจะเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่ต้นเลยดีกว่า

 

การมีเงินออมเป็นไปไม่ได้จริงหรือ ??

      แท้จริงแล้วการแบ่งสัดส่วนรายรับรายจ่ายและวินัยทางการเงินเป็นพื้นฐานด้านการบริหารจัดการที่ช่วยให้ทุกคนมีเงินเก็บได้ แต่ก่อนอื่นอาจจะต้องเริ่มต้นสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเองเสียก่อนว่าที่ไม่มีเงินเก็บเพราะพฤติกรรมชวนกระเป๋าฉีกเหล่านี้หรือเปล่า

5 พฤติกรรมการใช้จ่ายชวนกระเป๋าฉีก

 

1. เปลี่ยนของใช้เป็นว่าเล่น

     การซื้อหาเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าแฟชั่น เครื่องประดับ ไอเทมฮิตเป็นเรื่องง่าย บางครั้งเพิ่งเห็นในเว็บไซต์อีกวันยังไม่ต้องตามหาตลาดนัดกลางวันข้างออฟฟิศก็นำมาขายแล้ว ยิ่งราคาไม่แพงก็ไม่ต้องคิดมาก ควักกระเป๋าจ่ายได้ติดไม้ติดมือกลับบ้านเป็นประจำ

     เสื้อผ้าหลายชิ้นซื้อมาใส่ไม่กี่ครั้งก็เลิกฮิต พอซื้อมาใหม่ก็กองทับถมไปเรื่อยๆ ก่อนจะพบว่าเสื้อผ้าเต็มตู้แต่ไม่รู้จะใส่อะไรเพราะเต็มไปด้วยชุดที่ไม่ค่อยได้ใส่ ดังนั้นหากทบทวนดูดีๆ แล้วจะพบว่าแท้จริงการจับจ่ายสินค้าแล้วได้ของใหม่มาใช้อยู่เสมอนั้นมักไม่คุ้มกับราคาสักเท่าไร สู้เลือกซื้อของที่มีคุณภาพใช้แล้วดูดีในราคาเหมาะสมเพื่อที่จะไม่ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อยๆ ก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการเก็บเล็กผสมน้อยไว้สำหรับการออมในระยะยาว

 

2.พุ่งเข้าใส่คำว่า SALE

       ยิ่งตัวอักษร 4 ตัวนี้มีสีแดงและขนาดใหญ่มากเท่าไรยิ่งมีพลังดึงดูดให้เดินพุ่งเข้าไปเท่านั้น

      ถ้าสังเกตดีๆ จะรู้ว่าห้างสรรพสินค้าและร้านต่างๆ ทำโปรโมชั่นลดราคาสินค้ากันตลอดทั้งปีอยู่แล้ว แต่การติดป้าย SALE ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่กระตุ้นความสนใจของคนที่เดินผ่านได้เสมอ แม้สุดท้ายจะพบว่าสินค้าที่ลดมีแค่ส่วนหนึ่งแถมไม่ได้ลดราคามากเท่าไร แต่การตอกย้ำให้เห็นว่าของที่เคยดูไว้กลับมาลดราคาอีกซ้ำๆ ก็ทำให้เคลิ้มได้เหมือนกัน ดังนั้นหากเห็นป้าย SALE จึงควรตั้งสติก่อนว่าเป็นการลดราคาแบบไหน ถ้าตอนนี้ลดแค่ 30% สู้รอช่วงที่ลดทั้งร้านสูงสุดถึง 50-80% ก่อนเข้าไปดูดีกว่า

     ยิ่งเดี๋ยวนี้การช้อปปิ้งออนไลน์เป็นเรื่องง่าย แค่คลิกดูสินค้า เลือก โอน ทำได้จบเพียงไม่กี่วินาทีบนโทรศัพท์มือถือ พอเห็นคำว่า SALE กระพริบเคลื่อนไหวเรียกร้องอยู่บนจออาจจะเผลอซื้อได้ง่ายๆ โดยที่ไม่ได้ตรวจเช็คราคาก่อนด้วยซ้ำ ดังนั้นลองเพิ่มความรอบคอบและเปรียบเทียบราคาก่อนซื้อก็สามารถได้ของดีราคาถูกจริงๆ เหมือนกัน

 

3.มีเงินเดือนเท่าไร ใช้เท่านั้น

      ประโยคว่า ใช้เงินเดือนชนเดือน ดูเหมือนจะสืบทอดมาสู่มนุษย์เงินเดือนทุกยุคทุกสมัยและคงส่งต่อไปเรื่อยๆ หากไม่เริ่มต้นด้วยการจัดสรรเงินเดือนอย่างมีวินัย แล้วจะทำอย่างไรให้มีเงินเหลือเก็บ

      เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อมีเงินเดือนอยู่ในบัญชีที่พร้อมกดออกมาใช้ในชีวิตประจำวันอยู่เท่าไร ย่อมจะกดออกมาใช้ให้พอดีในเดือนนั้น ทันทีที่ได้เงินเดือนลองแบ่งเงิน 10% เก็บก่อน แล้วค่อยใช้ เปิดบัญชีเงินฝากสำหรับออม และอีกหนึ่งบัญชีเพื่อใช้ หากสำรวจธนาคารหลายแห่งก็เริ่มมีการออกบัญชีในรูปแบบนี้มาให้ลูกค้าได้ใช้บริการ อย่าง ธนาคารทีเอ็มบี มีบัญชี ทีเอ็มบี ออล์ ฟรี เป็นบัญชีเพื่อใช้ที่ให้คุณโอนต่างแบงก์ กดต่างตู้ หรือจ่ายบิลแบบฟรีค่าธรรมเนียมจริงๆ ไม่มีดอกจัน ไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องคิดเยอะ และบัญชีทีเอ็มบี โน ฟิกซ์ บัญชีเพื่อออมรูปแบบใหม่ ที่ให้ดอกเบี้ยสูง เหมือนฝากประจำ แต่ยืดหยุ่นและถอนได้ แบบบัญชีออมทรัพย์ให้ดอกสูง 1.3% ตั้งแต่บาทแรก และสามารถรับดอกเพิ่มเป็น 1.6% ถอนเมื่อไรก็ได้ ไม่กำหนดระยะเวลาฝาก เมื่อใช้บัญชี ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรี ครบ 5 ครั้ง จะช่วยให้เงินรายได้ (เงินเดือน) ยังถูกแบ่ง เก็บก่อน แล้วค่อยใช้ หลังจากนั้นสัญชาตญาณการอยู่รอดจะลำดับความสำคัญว่าค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันบ้าง เมื่อเงินเดือนขึ้นหรือมีรายได้เพิ่มเติมแล้วจึงคำนวณเพิ่มว่าจะออมได้มากกว่าเดิมเท่าไร เพียงเท่านี้ก็พร้อมที่จะมีเงินเก็บอย่างคนอื่นเขาแล้ว

 

4. ใช้บัตรเครดิตผิดวิธี

      สำหรับ ผู้ที่ใช้บัตรเครดิตถูกวิธีจะพบว่ามีประโยชน์และช่วยบริหารค่าใช้จ่ายได้ แต่หากใช้บัตรเครดิตผิดวัตถุประสงค์หรือไม่สามารถชำระได้ตามกำหนดย่อมเสี่ยงกับการสร้างภาระหนี้สินได้เหมือนกัน

      พฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตผิดวิธีมีหลายประเภทตามการใช้ของแต่ละบุคคล เช่น ใช้บัตรเครดิตกดเงินสด ใช้บัตรเครดิตหมุนเงิน ชำระยอดบัตรเครดิตขั้นต่ำ ชำระบัตรเครดิตไม่ตรงเวลา เป็นต้น เพราะสิ่งที่ต้องระวังเมื่อใช้บัตรเครดิตคือค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยที่ผู้ใช้ควรศึกษาให้ดีก่อนที่จะนำมารูดใช้เพื่อความสะดวกสบาย

 

5.ใช้จ่ายเกินตัว

        การสื่อสารผ่านเทคโนโลยียุคปัจจุบันที่ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นและโพสชีวิตส่วนตัวไปสู่กลุ่มเพื่อนในสังคมออนไลน์หรือกระทั่งพื้นที่สาธารณะอย่างง่ายดายแล้ว ยังได้เห็นไลฟ์สไตล์และการจับจ่ายที่หรูหราของคนอื่นอาจกระตุ้นให้เกิดความอยากใช้ชีวิตแบบนั้นบ้างเหมือนกัน

        ปฏิเสธไม่ได้ว่าโซเชียลมีเดียมีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคยุคใหม่เป็นอย่างมาก แน่นอนกว่าการตามไปชิมร้านใหม่ที่ใครๆ ก็แนะนำ นั่งคาเฟ่ที่ตกแต่งสวยๆ จับจ่ายใช้สอยสินค้าตามคนอื่นไม่ใช่เรื่องผิด แต่ควรควบคุมตัวเองให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยสามารถกำหนดเป้าหมายการใช้จ่ายเพื่อให้รางวัลกับตัวเองในลักษณะใดบ้างเดือนละกี่ครั้ง โดยไม่ติดกับไลฟ์สไตล์หรูหราจนใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อเป็นประจำจนเกินตัว

     ดังนั้น หากมีเป้าหมายในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและเริ่มบริหารจัดการตั้งแต่ต้นด้วยสติ พร้อมกับคาถาที่ว่า "แบ่งเก็บแบ่งออมก่อน แล้วค่อยใช้" คุณจะมีเงินออมได้เหมือนคนอื่นๆได้จริง... 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!