หมวดหมู่: บลจ.

1aaaaaaa1ASHREIT


‘สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ฯ’ เปิดแผนปี 61 ชูจุดเด่นผู้จัดการกองรีทอิสระ เร่งเพิ่มทรัพย์สินในกอง SHREIT ลุยออกหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐไว้รองรับ หวังสร้างผลตอบแทนสูงสุดแก่ผู้ถือหน่วย

    ‘สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ฯ’ เปิดแผนบริหารกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ เอส เอช รีท (SHREIT) ในปี 2561 ตอกย้ำจุดแข็งผู้จัดการกองรีทอิสระ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเพื่อมุ่งสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหน่วย ด้านผู้บริหาร เล็งเพิ่มทรัพย์สินประเภทโรงแรมใหม่ๆ เพิ่มเติม ในกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตที่ดีในภูมิภาคอาเซียน คาดสรุปได้ในเร็วๆ นี้ หวังรับจังหวะการค้าการลงทุนและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูมิภาคคึกคัก โดยออกหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐไว้เรียบร้อยแล้ว  

      นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ ที่บริหารโดยมืออาชีพ และผู้จัดการกองทรัสต์ SHREIT เปิดเผยว่า แผนดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ มุ่งตอกย้ำถึงจุดเด่นการเป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ หรือ Independent REIT Manager ที่บริหารโดยบุคลากรมืออาชีพซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านการเงินตลาดทุน ตลอดจนการลงทุนและซื้อทรัพย์สินในต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในระดับภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง เพื่อทำหน้าที่ในบริการจัดการกองทรัสต์ที่เป็นอิสระที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของทรัพย์สิน ทำให้การบริหารงานจะมุ่งเป้าหมายประโยชน์สูงสุดของนักลงทุน

      ทั้งนี้ หลังจาก ‘ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้’ หรือ SHREIT ซึ่งเข้าลงทุนในทรัพย์สินในกรรมสิทธิ์แบบต่ออายุได้เพื่อประกอบธุรกิจโรงแรม และสิทธิการเช่าในโรงแรมระดับ 3-5 ดาวในต่างประเทศ จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรม Pullman Jakarta Central Park ในประเทศอินโดนีเซีย และโรงแรม Capri by Fraser และโรงแรม IBIS Saigon South ในประเทศเวียดนาม มีห้องพักรวมกันทั้งสิ้น 632 ห้อง ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา พบว่าทรัพย์สินที่เข้าลงทุนนั้นสามารถสร้างผลการดำเนินงานเติบโตได้ดี

     โดย ณ สิ้นปี 2560 ที่ผ่านมา โรงแรม Pullman Jakarta Central Park ในประเทศอินโดนีเซีย มีรายได้รวม 508.91 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7.8% และมีกำไรสุทธิ 218 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.9% ขณะที่โรงแรม Capri by Fraser ที่กรุงโฮจิมินท์ มีรายได้รวม 94.48 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.1% และมีกำไรสุทธิ 54.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.1% จากปีก่อนหน้า ส่วนโรงแรม IBIS Saigon South มีรายได้รวม 56.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 25.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.7%

     “ในปีนี้ เราจะตอกย้ำจุดแข็งในฐานะที่เป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระเพื่อมุ่งสร้างการเติบโต โดยชูถึงความสำเร็จด้านผลการดำเนินงานของ SHREIT ที่พบว่า ทรัพย์สินที่เข้าลงทุนมีอัตราการเติบโตที่ดีมาก ทำให้ผู้ถือหน่วยได้รับตอบแทนสุงสุดจากการลงทุน และ SHREIT จะแสวงหาโอกาสการเพิ่มทรัพย์สินใหม่ๆ ให้แก่กองรีทเพื่อเข้าลงทุนเพิ่มเติม โดยจะขออนุมัติผู้ถือหน่วยในการออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรองรับแผนงานในครั้งนี้ไว้แล้ว” นายปธาน กล่าว

     นายเจมส์ เทิค เบง ลิม กรรมการบริหาร สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส กล่าวว่า SHREIT มีกลยุทธ์การขับเคลื่อนทรัพย์สินที่แตกต่างจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองรีทประเภทอื่นๆ โดยกอง SHREIT สามารถกระจายความเสี่ยงและมีความยืดหยุ่นในการเข้าลงทุน เพื่อมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนและมีอัตราการเติบโตสูงจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน ที่เป็นเศรษฐกิจเกิดใหม่และมีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็ว รองรับโอกาสที่ดีจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนที่ดีขึ้นต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย

       ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของ SHREIT ในการมุ่งขยายทรัพย์สินในกลุ่มธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มเติม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสการลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมในประเทศเดิมที่ SHREIT มีทรัพย์สินอยู่แล้ว ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม รวมถึงประเทศใหม่ๆ เพิ่มเติม เช่น กัมพูชา มาเลเซีย และพม่า เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในเร็วๆ นี้ รวมถึงมีแผนผลักดันรายได้จากการดำเนินงานในทรัพย์สินเดิมที่ SHREIT เข้าลงทุนให้มากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหน่วยได้อย่างต่อเนื่องต่อไป

      “ในปีนี้ เรามีโอกาสการเพิ่มทรัพย์สินใหม่ๆในกลุ่มธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคอาเซียน ที่ช่วยกระจายการลงทุนและสร้างความยืดหยุ่นในการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสและผลตอบแทนที่ดีจากการเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีโอกาสเติบโตสูงในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ ที่จะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานให้แก่กอง SHREIT เติบได้เป็นอย่างดี” นายเจมส์ กล่าว

      ด้านนายพิชัย ชินะโชติ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส กล่าวว่า สำหรับจุดเด่นทรัพย์สินเดิมที่ SHREIT เข้าลงทุนได้แก่ โรงแรม Pullman Jakarta Central Park ในอินโดนีเซีย โรงแรม Capri by Fraser และ โรงแรม IBIS Saigon South ในประเทศเวียดนามนั้น ล้วนเป็นโรงแรมที่มีการบริหารงานโดยมือาชีพ โดยกลุ่ม Accor Hotels และ Frasers Hospitality ตลอดจนความโดดเด่นของทรัพย์สินที่มีกลุ่มผู้ใช้บริการหรือกลุ่มผู้เข้าพักที่แตกต่างกัน ทำให้ทรัพย์สินในประเทศอินโดนีเซียสามารถรับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่มีอำนาจการจับจ่ายสูงได้ดี รวทถึงการจัดงานแต่งงานและการประชุม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศอีกด้วย

      ส่วนประเทศเวียดนามจะได้รับประโยชน์จากพลวัตทางเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งดึงดูดนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจและลงทุนเป็นจำนวนมาก ตลอดจนการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ทรัพย์สินของ SHREIT สามารถรับโอกาสสูงสุดได้เต็มศักยภาพจากปัจจัยการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคได้ดี

 

SHREIT On Course for New Growth This Year

In a significant move aimed to maximize returns for investors, SET-listed Strategic Hospitality Extendable Freehold and Leasehold REIT (SHREIT) is set to expand its assets this year by acquiring new hotel properties in the high-growth ASEAN region.

     Listed on the Stock Exchange of Thailand last December, SHREIT’s portfolio comprises of the five-star Pullman Jakarta Central Park Hotel (317 rooms) in Indonesia plus the Capri by Fraser HCMC (four-star, 175 rooms) and the IBIS HCMC (three-star, 140 rooms) in Ho Chi Minh City of Vietnam.

     After the recent successful debut on the Thai stock market, Mr. James Lim, Executive Director of Strategic Property Investors (SPI), the REIT Manager, disclosed that his team is actively studying new opportunities to acquire more properties in Indonesia and Vietnam as well new properties in other high-growth ASEAN countries including Cambodia, Malaysia and Myanmar.

     Mr. Lim noted that growth this year will be driven by higher returns from the existing properties through greater management efficiency as well as new properties that are expected to be acquired later this year.

     Noting that SHREIT is different from other property funds or investment trusts in that it is managed independently from its asset sponsors, SPI’s Managing Director Mr. Patan Somburanasin said SHREIT enjoys the flexibility to diversify risks by spreading its investment portfolio in various high-growth countries in the region while at the same time having the capacity to generate high returns through its independent and efficient management.

     “Our action plans this year are to focus on our strengths as an independent REIT Manager, run by professionals who have the experience, financial expertise and international connections to manage and acquire foreign properties in the Asia-Pacific region in order to generate maximum returns for the investors,” Mr. Patan said.

     SPI will seek a general mandate to issue up to US$100 million worth of debentures in order to enhance its cash flow, diversify its funding sources, refinance bank borrowings and also to finance new acquisitions. The decision will soon be tabled before the Trustee and shareholders for final approval.

     Meanwhile, SPI’s Chief Financial Officer Mr. Pichai Chinachote said the three hotel properties owned by SHREIT in Indonesia and Vietnam are professionally run by the Accor Hotels and Frasers Hospitality Group and all have distinctive features that attract specific clientele segments.

     The Pullman Jakarta Central Park, for instance, thrives on an affluent domestic clientele of lavish functions such as weddings and convention as well as growing number of visitors both local and foreign whereas the two hotels in Vietnam are capitalizing on the robust Vietnamese economy which has attracted growing numbers of foreign businessmen and investors.

     “The three hotel properties are well positioned to reap the benefits of the current strong economic growth across Southeast Asia,” Mr. Pichai stated.

     All three properties have recorded impressive growth both in revenue and net operating profit – thanks to strong growth in non-room revenue at the Jakarta property driven by significant increases in domestic weddings and MICE activities plus the strong Vietnamese economy which spurred high growth in trade fairs and events at the Saigon Exhibition and Convention Centre.

     As of the end of 2017, the Pullman Jakarta Central Park recorded total revenue of 508.91 million baht, up 7.8% from the previous year while net profit rose a significant 19.9% to 218 million baht over the same period. Meanwhile, the Capri by Fraser in Ho Chi Minh City posted revenue of 94.48 million baht (up 8.1%) with net profit of 54.59 million baht (up 2.1%) whereas the IBIS Saigon South recorded revenue of 56.21 million baht (up 15.5%) with net profit of 25.22 million baht (17.7%)

     With total assets of US$165 million as of the end of last year, SHREIT was established with the objective of being an active and independently managed REIT, focused on driving organic and acquisition growth with responsible capital management.

เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดย บริษัท เอ็ม ที มัลติมีเดีย จำกัด (ในนาม SHREIT)

อรอนงค์ ภัทรเวชกุล (ฟ้า) โทร. 086-884-4458, 02-612-2081 ต่อ 129 E-mail: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!