หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้
5
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ต่อเนื่อง หลังคลายกังวลปัจจัยต่างประเทศ-ราคาน้ำมันดีดขึ้นน่าจะหนุนกลุ่มพลังงาน
นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็อยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ หลังจากผ่อนคลายความกังวลปัจจัยความขัดแย้งระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ในซีเรียที่สงบลง และผู้นำเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้จะมีการเจรจากัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นได้ดีพอควรน่าจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน ส่วนการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์งวดไตรมาส 1/61 ก็คาดว่าจะออกมาไม่ค่อยดีนัด น่าจะมีผลกำไรใกล้เคียงกับไตรมาส 1/60 โดยอาจจะทรงตัว อย่างไรก็ดีให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการต่อไป โดยเฉพาะแบงก์ขนาดใหญ่อย่าง BBL, KBANK, SCB
พร้อมให้แนวรับ 1,765 จุด ส่วนแนวต้าน 1,780 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 เม.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,748.07 จุด ลดลง 38.56 จุด (-0.16%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,708.64 จุด เพิ่มขึ้น 2.25 จุด (+0.08%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,295.24 จุด เพิ่มขึ้น 14.14 จุด (+0.19%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 73.66 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.87 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 248.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 43.77 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.28 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 15.24 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 9.51 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 103.78 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 เม.ย.61) 1,771.56 จุด เพิ่มขึ้น 16.03 จุด(+0.91%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 339.38 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 เม.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 เม.ย.61) ปิดที่ระดับ 68.47 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.95 ดอลลาร์ หรือ 2.9%
- เงินบาทเปิด 31.24 ทรงตัวจากวานนี้ แต่แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาค จับตาเงินไหลออก
- แจ็ค หม่า" พบนายกฯ ประกาศลงทุนอีอีซี พร้อมลงนามความ ร่วมมือ 4 ฉบับ ททท.ลงนามร่วมมือเจาะตลาดจีน ด้านเอกชนห่วงกระทบ อีมาร์เก็ตเพลสไทย คาดอาจต้องปิดตัว 5% แนะ เร่งปรับตัวหาจุดแข็ง
- "อภิศักดิ์" ย้ำไม่บังคับ"กรุงไทย-ทีเอ็มบี"ควบรวม เผยให้อิสระฝ่ายจัดการพิจารณา ระบุชัดการควบรวมหนุนผลประกอบการโตกระโดด พร้อมประเมินแบงก์ไทยแข็งแกร่งแต่มีขนาดเล็กหวั่นสู้ต่างชาติไม่ได้ ด้าน"ทีเอ็มบี"ถกบอร์ดสัปดาห์หน้า"บุญทักษ์"หนุนมติ ครม.ชี้ถูกจังหวะเศรษฐกิจขาขึ้น
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจโลกประจำไตรมาสล่าสุดว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้าจะยังคงขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งที่ 3.9% โดยมีกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก โดยจะเติบโตได้ 6.5% ในปีนี้ และ 6.6% ในปีหน้า แม้ว่าจะมีความกังวลเรื่องข้อพิพาททางการค้าและหนี้ในปริมาณสูงก็ตาม
- "บอร์ดอีอีซี" รับทราบการจัดทำร่าง TOR รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รอสรุปข้อเสนอเอกชนต้องการเปิดทางต่างชาติให้ถือหุ้นเกิน 51% ได้หรือไม่ คาดสรุปได้ใน 2 สัปดาห์ก่อนเปิดให้เอกชนยื่นประมูล พ.ค.นี้ ขณะที่นายกฯ สั่งเร่งรัดสร้างเมืองใหม่อีอีซี และเมืองใหม่ชายแดน
- กระทรวงพลังงานเบรกแผนนำเข้าแอลเอ็นจีสัญญาระยะยาวของ ปตท.ในแหล่งโมซัมบิกโดยจะไม่ยื่นขออนุมัติจาก กพช.แต่อย่างใด โดยพร้อมเปิดเสรีให้เกิดการแข่งขันด้านราคาเพื่อประโยชน์ค่าก๊าซฯ ถูกลง ด้าน "ปิยสวัสดิ์" ยันหากรัฐไม่อนุมัติก็พร้อมนำเข้าเองโดยไม่จำเป็นต้องมีสัญญาระยะยาวมั่นใจบริหารได้กำไรเพราะตั้งราคาเองได้
- บีโอไอเผยยอดขอรับ ส่งเสริมการลงทุนไตรมาสแรกปี 2561 มูลค่าเงินลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท สัญญาณ ทั้งปีสดใสแน่ พร้อมชูมาตรการปรับปรุง ประสิทธิภาพกระตุ้นการลงทุนเพิ่ม
*หุ้นเด่นวันนี้
- CHG (ไอร่า) เป้า 2.68 บาท ในปี 61 คาดกำไรสุทธิกลับมาโต 16% คาดอยู่ที่ 658 ล้านบาท โดยคาด Q1/61 รายได้เติบโตดี yoy และคาดอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับ Q4/60 จากการระบาดของไวรัสโรตาและไข้หวัดที่เริ่มระบาดตั้งแต่ช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงต้นปีนี้ ขณะที่คาดกำไรสุทธิฟื้นตัวจาก Q4/60 เนื่องจากในไตรมาสที่ผ่านมามีการตั้งสำรองหนี้ประกันสังคม จำนวน 27 ล้านบาท พร้อมคาดราคาหุ้นที่ปรับลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนความกังวลเรื่องการแข่งขันในพื้นที่
- AMATA (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 30 บาท แม้ราคาหุ้นจะเริ่มฟื้นกลับมาแล้ว แต่ PE2561 ยังต่ำเพียง 13 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ 16 เท่า พร้อมคาดกำไรปี 2561 โต 22% Y-Y อยู่ที่ 1.7 พันลบ. และโตต่อเนื่อง 15% Y-Y อยู่ที่ 2 พันลบ. ในปี 2562 โดยคาดว่ายอดขายที่ดินจะเร่งตัวใน H2/61 เมื่อ พ.ร.บ. EEC เริ่มบังคับใช้ ขณะที่ รายได้จากไฟฟ้าและปะปาที่เป็น Recurring income ปีนี้จะโตไม่น้อยกว่า 10% Y-Y จากทั้งการได้ลูกค้าใหม่ การปรับค่าบริการขึ้น และการ COD โรงไฟฟ้าเพิ่ม
- M (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 90 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/61 อยู่ที่ 603 ลบ. (+10.4% Q-Q, +9% Y-Y) จากการทั้งเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของร้าน MK และ Yayoi รวมถึงการเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง และคาดยังรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับสูงใกล้เคียงไตรมาสก่อน แนวโน้มกำไรจะดีขึ้นต่อใน Q2/61 เพราะเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาว และคาดกำไรจะดีจนอาจเป็นจุดสูงสุดของปีใน Q4/61 ซึ่งเป็น High Season ธุรกิจ โดยยังประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 +16% Y-Y
- PTTGC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 115 บาท คาดกำไรสุทธิปีนี้จะพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่จากปริมาณขายเพิ่มขึ้น โดยปีนี้มีแผนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ คือ โครงการ mLLDPE เริ่มผลิต 1Q18 และ โครงการ ME หน่วยที่ 2 เริ่มผลิต Q4/61 ขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากความต้องการที่สูงขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยปีนี้คาดกำไรสุทธิประมาณ 4.6 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 14%yoy

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น
           ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยการนำขอตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากนักลงทุนขานรับการประชุมร่วมกันระหว่างนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่รัฐฟลอริดา โดยรายงานระบุว่า ทรัมป์ไม่ได้ส่งสัญญาณการใช้มาตรการทางการค้าที่รุนแรงต่อญี่ปุ่น
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,231.86 จุด เพิ่มขึ้น 73.66 จุด, +0.33% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,094.27 จุด เพิ่มขึ้น 2.87 จุด, +0.09% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,532.95 จุด เพิ่มขึ้น 248.70 จุด, +0.82% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,891.66 จุด เพิ่มขึ้น 43.77 จุด, +0.40% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,483.26 จุด เพิ่มขึ้น 3.28 จุด, +0.13%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,573.06 จุด เพิ่มขึ้น 15.24 จุด, +0.43% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,888.83 จุด เพิ่มขึ้น 9.51 จุด, +0.51% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,689.35 จุด ลดลง 103.78 จุด, -1.33%
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ตกลงที่จะเริ่มการเจรจาในประเด็นการค้าและการลงทุนรอบใหม่ โดยทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐอาจจะยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กจากญี่ปุ่น หากทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ารอบใหม่

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 91.29 จุด รับเงินปอนด์อ่อน,หุ้นเหมือง-พลังงานพุ่ง
         ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังจากมีรายงานว่าอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษร่วงลงต่ำสุดรอบ 1 ปีในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,317.34 จุด เพิ่มขึ้น 91.29 จุด หรือ +1.26%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยเงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า เงินเฟ้อของอังกฤษในเดือนมี.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี โดยลดลงจากระดับ 2.7% ในเดือนก.พ.
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจพบว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดการเงินของอังกฤษยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า แม้อังกฤษเปิดเผยว่าอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 1 ปีในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ผลการสำรวจระบุว่า นักวิเคราะห์คาดว่า มีโอกาส 80% ที่ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 10 พ.ค.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้น นำโดยหุ้นเกลนคอร์ ทะยานขึ้น 7.7% หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 6.2% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวขึ้น 5.5%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 2.6% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 2.4%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ตลาดคลายกังวลซีเรีย,ข้อพิพาทการค้า
       ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย และข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดดีดตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังจากมีรายงานว่าอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษร่วงลงต่ำสุดรอบ 1 ปีในเดือนมี.ค.
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 381.86 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,590.83 จุด เพิ่มขึ้น 5.26 จุด หรือ +0.04% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,380.17 จุด เพิ่มขึ้น 26.63 จุด หรือ +0.50% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,317.34 จุด เพิ่มขึ้น 91.29 จุด หรือ +1.26%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ซีเรีย หลังจากการโจมตีซีเรียของสหรัฐและชาติพันธมิตรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐและรัสเซีย
ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยเงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า เงินเฟ้อของอังกฤษในเดือนมี.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี โดยลดลงจากระดับ 2.7% ในเดือนก.พ.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้น นำโดยหุ้นเกลนคอร์ ทะยานขึ้น 7.7% หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 6.2% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวขึ้น 5.5%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 2.6% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 2.4%
หุ้นไฮเนเก้น ดิ่งลง 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่น้อยกว่าการคาดการณ์ในไตรมาส 1
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรปเปิดเผยว่า เงินเฟ้อของกลุ่มยูโรโซน ปรับตัวขึ้นเพียง 1.3% ในเดือนมี.ค. ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ แต่สูงกว่าตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ.ที่ปรับตัวขึ้น 1.1% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมองค์ประกอบที่มีความผันผวนอย่างอาหารและพลังงาน อยู่ที่ระดับ 1% ติดต่อกันมา 3 เดือนแล้ว
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ ทางการอังกฤษจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. และยูโรสแตทจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเบื้องต้นเดือนเม.ย.ของกลุ่มยูโรโซน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 38.56 จุด หลังหุ้น IBM ดิ่ง,รายงานเฟดชี้ภาคธุรกิจกังวลมาตรการภาษีนำเข้า
           ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (18 เม.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้น IBM รวมทั้งรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขตของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ "Beige Book" ซึ่งระบุว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐได้แสดงความกังวลว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ยังคงปิดในแดนบวก เพราะได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเกือบ 3% เมื่อคืนนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,748.07 จุด ลดลง 38.56 จุด หรือ -0.16% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,295.24 จุด เพิ่มขึ้น 14.14 จุด หรือ +0.19% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,708.64 จุด เพิ่มขึ้น 2.25 จุด หรือ +0.08%
หุ้นอินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส แมชีนส์ (IBM) ร่วงลงอย่างหนักถึง 7.5% และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด หลังจากผู้บริหารของ IBM ได้แสดงมุมมองที่ค่อนข้างเป็นลบต่อแนวโน้มธุรกิจ
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากรายงาน Beige Book ของเฟดซึ่งระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเป็นบวก อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในหลายภาคส่วนที่ต้องมีการทำสัญญาด้านการค้า ซึ่งรวมถึงภาคการผลิต การเกษตร และการขนส่งนั้น ได้แสดงความวิตกกังวลว่า มาตรการเรียเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐอาจจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียมในอัตรา 10% จากประเทศต่างๆ รวมถึงจีน โดยรายงานของเฟดระบุว่า หลังจากมีการประกาศมาตรการดังกล่าว ราคาเหล็กได้ปรับตัวขึ้นอย่างมาก ขณะที่ภาคธุรกิจต่างก็คาดการณ์ว่า ราคาสินค้าจะปรับตัวขึ้นอีกในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาเหล็กและราคาสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งและช่วยหนุนดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเกือบ 3% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.1% หุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้น 1.9% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 2.9% หุ้นมาราธอน ออยล์ ขยับขึ้น 0.4% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 2.3%
หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปิดตลาดขยับขึ้น 0.1% หลังจากที่ทะยานขึ้นแข็งแกร่งในระหว่างวัน ภายหลังจากที่ธนาคารได้เปิดเผยกำไรไตรมาส 1 อยู่ที่ 1.45 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.25 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้อยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.0363 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 4.8% หลังจากทางสายการบินเปิดเผยกำไรไตรมาส 1 อยู่ที่ 50 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 40 เซนต์/หุ้น และรายได้อยู่ที่ 9.032 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน
หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลนส์ ดีดตัวขึ้น 2.9% หลังจากที่ร่วงลงในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากรายงานข่าวที่ว่า เครื่องบินโดยสารของสายการบินเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ได้ประสบเหตุเครื่องยนต์ระเบิดกลางอากาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย
--อินโฟเควสท์
OO7682

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!