หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้
3
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนตัวกรอบจำกัดรับแรงกดดันจากสงครามการค้า แต่ยังลุ้นงบฯบจ.ช่วยประคองตลาด
 
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก กรณีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ซึ่งเริ่มเห็นผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรม หลังจากที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ย.ของจีนชะลอตัวลง และต่อเนื่องด้วยการที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ซึ่งคาดว่าจะเป็นนโยบายที่ช่วยกระตุ้นภาพเศรษฐกิจของจีนให้อยู่ในระดับที่ดี
 
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังจับตาการประกาศผลประกอบการของบจ.ที่จะเริ่มทยอยออกในช่วงนี้ และตลาดหุ้นไทยล่าสุดมี P/E ต่ำกว่า 16 เท่า และปีหน้าคาดว่าจะอยู่ราว 15 เท่า ก็จะยังเป็นปัจจัยที่ช่วยดึงดูดเงินลงทุนให้ไหลกลับเข้ามาบ้าง ทำให้ภาพ Downside ของตลาดหุ้นไทยน่าจะยังอยู่ในกรอบจำกัด ส่วนแรงขายของนักลงทุนต่างชาติคาดว่าจะยังคงมีอยู่แต่เชื่อว่าจะอยู่ในระดับที่ชะลอตัวลง
 
พร้อมให้แนวรับที่ 1,680 จุด และแนวต้านที่ 1,710 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,486.78 จุด เพิ่มขึ้น 39.73 จุด (+0.15%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,884.43 จุด ลดลง 1.14 จุด (-0.04%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,735.95 จุด ลดลง 52.50 จุด (-0.67%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 233.25 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.78 จุด,ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 8.40 จุด,ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 8.46 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.85 จุด,ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.72 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 13.09 จุด
 
ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการเนื่องในวันภาษาเกาหลี
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ต.ค.61) อยู่ที่ 1,696.22 จุด ลดลง 24.30 จุด (-1.41%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 2,605.69 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ต.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 ต.ค.61) ปิดที่ 74.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 5 เซนต์ หรือประมาณ 0.09%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ต.ค.61) ที่ 5.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.89 กลับมาแข็งค่าจากวานนี้ตามภูมิภาคหลังดอลล์อ่อน จับตาค่าเงินหยวน-Fund Flow
- โบรกเกอร์ ระบุตลาดหุ้นไทยร่วง 24 จุดเมื่อวานนี้ กังวลสงครามการค้ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน หลังปรับลดเงินสำรองฯ และผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดรอบ 7 ปี ส่งผลเงินไหลออกตลาดหุ้นไทยและตลาดเกิดใหม่ ด้านสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอีก 3 เดือน อยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน รับข่าวเลือกตั้ง ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ให้เป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย สิ้นปีนี้แตะ 1,818 จุด ลุ้น 3 เดือนสุดท้าย มีเงินไหลเข้า LTF -RMF อีก 4 หมื่นล้านบาท
 
- กพท.เผย พ.ค.62 FAA เตรียมตรวจประเมินอย่างเป็นทางการในการแก้ไขข้อบกพร่อง (SSC) ด้านการบิน ระบุปี 61 เร่งแก้ที่เหลือได้อีกอย่างน้อย 300 ข้อจากทั้งหมด 466 ข้อ คาด FAA ปรับเกรดไทยขึ้น CAT1 "อาคม" สั่งการบินไทยเตรียมแผน เปิดบินเข้าอเมริกาเพื่อเจาะตลาดใหญ่
 
- "สมคิด" เร่งคมนาคมดันเมกะโปรเจกต์ ให้เสร็จก่อนเลือกตั้งทั้งเร่งประมูลรถไฟฟ้า 2 เส้นทาง"ม่วงใต้-ส้มตะวันตก" ภายในปลายปีนี้ พร้อมขีดเส้นการบินไทยจัดหาเครื่องบินใหม่ภายใน 30 วัน หากทำไม่ได้ปลดบอร์ดยกชุด ด้าน "อาคม" เด้งรับดัน 20 โครงการยักษ์ วงเงินกว่า 1 ล้านล้านบาท ภายในเดือน ม.ค.62
 
- ประธานหอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ยอดขายทองคำในประเทศปรับตัวลดลง 5-10% เนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้าสหรัฐและจีน ที่ทำให้รายได้ของแรงงานภาคการส่งออกและธุรกิจลดลง ส่งผลให้ประชาชนเริ่มเก็บเงินสดแทนที่จะซื้อทองคำหรือลงทุนในสินทรัพย์อื่นเพราะไม่มั่นใจสถานการณ์เศรษฐกิจไทยว่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ารุนแรงเพียงใด
 
- ธอส.สำรวจราคาขายโครงการที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่นับรวมที่อยู่อาศัยมือสอง พบดัชนีราคาห้องชุดใหม่ (คอนโดมิเนียม) ไตรมาส 3/61 ในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ เท่ากับ 143 จุด เพิ่มขึ้น 11% เทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตของราคาคอนโดมิเนียมสูงสุดนับตั้งแต่ปี 57 ขณะเดียวกันราคาก็เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว โดยเป็นผลจากมีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลคืบหน้าไปมาก จึงทำให้โครงการคอนโดฯเปิดตัวใหม่ไตรมาสนี้ขยับราคาสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนในหลายพื้นที่
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- BCH (เอเอสแอล) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 21.10 บาท หลังคาดผลงาน H2/61 เติบโตรับ High Season ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ QoQ และ YoY จากช่วงครึ่งหลังของปีเป็นฤดูฝนและโรคระบาดที่ค่อนข้างมีความรุนแรง และการเติบโตต่อเนื่องของ WMC โดยเชื่อจะสามารถคงลูกค้าเก่าและเพิ่มลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่องผ่านทางสำนักงานตัวแทนและเอเจนซี่ ขณะที่รายได้ประกันสังคมและผู้ประกันตนก็จะปรับตัวดีขึ้นจากการปรับปรุงและขยายสาขาเพิ่ม อีกทั้งใน ต.ค.จะเปิด รพ.เกษมราษฎร์ รามคำแหง อย่างเป็นทางการ อีกทั้งมีโครงการคลีนิคเด็กหลอดแก้วเริ่มใน Q4/61 และมีตลาดใหม่อย่างโครงการตรวจสุขภาพประจำปีของครูและบุคลากรทางการศึกษากับกระทรวงศึกษาธิการ และในปี 63 จะมีโรงพยาบาลเปิดใหม่อีก 3 แห่ง
 
- BLA (กรุงศรี) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 42 บาท คาดได้ผลบวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ที่สูงขึ้น เนื่องจากพอร์ตการลงทุนส่วนใหญ่ของธุรกิจประกันจะอยู่ในพันธบัตร หาก Bond yield สูงขึ้นจะทำให้กำไรจากพอร์ตลงทุนสูงขึ้นตามไปด้วย
 
-KTC (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 40 บาท โดยคาดกำไร Q3/61 ดี 1,410 ล้านบาท (+67%YoY และ +8%QoQ) ตามสินเชื่อโต 10%YoY และ 3%YTD เป็นผลจากสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 8%YTD เป็นหลักตามการออกโปรโมชั่น แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อชดเชยการขยายตัวของบัตรเครดิตที่มีการแข่งขันที่สูง และการควบคุมอัตราผลตอบแทนของ ธปท.ที่ 18% จึงปรับอัตราการขยายตัวของสินเชื่อส่วนบุคคลปี 61-62 เพิ่มขึ้น 11-12% จากเดิม 8-9% รวมทั้งปรับลดการตั้งสำรองปี 62 ลดลง 14% เพื่อควบคุมระดับ Coverage Ratio ไม่ให้สูงเกินควร ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 61-62 ที่ 5.1 และ 6.0 พันล้านบาท (+55%YoY, 17%YoY ตามลำดับ
 
 
 
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ วิตกเศรษฐกิจจีนชะลอตัวหลังแบงก์ชาติประกาศลด RRR
 
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในเช้าวันนี้ เนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 1% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.
 
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,550.47 จุด ลดลง 233.25 จุด, -0.98% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,713.73 จุด ลดลง 2.78 จุด, -0.10% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,194.17 จุด ลดลง 8.40 จุด, -0.03% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,464.39 จุด เพิ่มขึ้น 8.46 จุด, +0.08% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,180.60 จุด ลดลง 0.85 จุด, -0.03% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,773.03 จุด ลดลง 2.72 จุด, -0.15% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,063.91 จุด เพิ่มขึ้น 13.09 จุด, +0.19% ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการเนื่องในวันภาษาเกาหลี
 
แถลงการณ์ล่าสุดของ PBOC ระบุด้วยว่า จะมีการปล่อยสภาพคล่องเพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะกลาง 4.5 แสนล้านหยวน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 15 ต.ค. นอกจากนี้ จะมีการอัดฉีดสภาพคล่องอีก 7.5 แสนล้านหยวนเข้าสู่ตลาด
 
ธนาคารกลางจีนระบุว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังคงมีเป้าหมายที่การปรับปรุงโครงสร้างสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์และตลาดการเงิน และเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน
 
แถลงการณ์ของ PBOC ยังระบุด้วยว่า การลด RRR จะเติมเต็มช่องว่างด้านสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ และจะไม่เป็นการกดดันเงินหยวน เนื่องจากการดำเนินการครั้งนี้ไม่ใช่การผ่อนคลายนโยบายการเงินของประเทศ โดยอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนจะยังคงมีเสถียรภาพในระดับที่สมเหตุสมผลและสมดุล
 
 
 
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: หุ้นพลังงานร่วง ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 85.21 จุด
 
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกว่าเศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR)
 
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,233.33 จุด ลดลง 85.21 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนปรับลด RRR ลง 1% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.นี้
 
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยหุ้นบีพี ร่วงลง 2% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 1.2%
 
 
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดร่วง วิตกอิตาลีขาดดุลงบประมาณ,ศก.จีนชะลอตัว
 
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหภาพยุโรปและอิตาลี ในประเด็นการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังร่วงลงตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR)
 
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 372.12 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,947.16 จุด ลดลง 164.74 จุด หรือ -1.36% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,233.33 จุด ลดลง 85.21 จุด หรื -1.16% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,300.25 จุด ลดลง 59.11 จุด หรือ -1.10%
 
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นในเอเชียเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นจีนที่ดิ่งลงอย่างหนัก เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนปรับลด RRR ลง 1% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.
 
นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอิตาลียังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยแม้ว่ารัฐบาลอิตาลีประกาศปรับลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2563 ลงเหลือ 2.1% และลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2564 ลงเหลือ 1.8% ของตัวเลข GDP แต่รัฐบาลยังคงยืนยันที่จะกำหนดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2562 เอาไว้ที่ 2.4% ของตัวเลข GDP แม้สหภาพยุโรปได้ออกมาเตือนว่า เป้าหมายการขาดดุลในปี 2562 นั้นสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลชุดก่อนถึง 3 เท่า
 
หุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลีปรับตัวลง โดยหุ้นอินเทซา ซานเปาโล ร่วงลง 3.9% ขณะที่หุ้นยูนิเครดิต ดิ่งลง 3.7%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยหุ้นบีพี ร่วงลง 2% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 1.2%
หุ้นแอร์บัสดิ่งลงเกือบ 1% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า บริษัทแอร์บัสเตรียมแต่งตั้งนายกิลลูเม ฟาวรี ให้ดำรงตำแหน่งประธานบริหารคนใหม่ แทนนายทอม เอนเดอร์ส
 
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุด กระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีรายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเดือนที่ 3 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%
 
 
 
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 39.73 จุดจากแรงซื้อหุ้นสินค้าผู้บริโภค ขณะหุ้นเทคโนฯดิ่งฉุด Nasdaq ร่วง
 
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งเป็นหุ้นที่สามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจ (defensive stocks) อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR)
 
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,486.78 จุด เพิ่มขึ้น 39.73 จุด หรือ +0.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,884.43 จุด ลดลง 1.14 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,735.95 จุด ลดลง 52.50 จุด หรือ -0.67%
 
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มที่สามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจได้ดี เช่นหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภค โดยหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ปรับตัวขึ้น 0.3% หุ้นเป๊ปซี่โค พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นโคคา-โคลา เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล ดีดขึ้น 0.9%
 
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งสามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจได้ดีเช่นกันนั้น ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นคอนโซลิเดทเต็ด เอดิสัน อิงค์ เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นเฟิร์สท์เอนเนอร์จี ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่ของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.2% และหุ้นเอ็กเซลอน เพิ่มขึ้น 0.5%
 
หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ทะยานขึ้น 3.3% หลังจากบาร์เคลยส์ประกาศปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของ GE สู่ระดับ overweight จากเดิมที่ equal weight โดยบาร์เคลยส์ระบุว่า ราคาหุ้นของ GE ได้สะท้อนข่าวลบที่ผ่านมาของบริษัทแล้ว และมีการคาดการณ์กันว่า การแต่งตั้งนายลอว์เรนซ์ คัลป์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ จะช่วยพลิกฟื้นกิจการของบริษัท
 
อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลง จากความวิตกกังวลที่ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนปรับลด RRR ลง 1% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. โดยหุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.02% หุ้นอเมซอน ดิ่งลง 1.3% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 0.6% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.1% หุ้น Nvidia ร่วงลง 1.5% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ลดลง 1.2% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 1.3% หุ้นอะโดเบ ซิสเต็มส์ ร่วงลง 3.2% และหุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.2%
 
หุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลถูกเทขายอย่างหนัก หลังจากกูเกิลแถลงเมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทได้ตรวจพบช่องโหว่ (bug) ในระบบซึ่งอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าจำนวน 500,000 รายรั่วไหลออกไป นอกจากนี้ กูเกิลได้ทำการปิดการให้บริการ Google+ และมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการรักษาข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า
 
หุ้นเทสลา ร่วงลง 4.4% แม้ทางบริษัทยืนยันว่า รถยนต์เทสลารุ่น Model 3 เป็นรถยนต์ที่มีอัตราความเสี่ยงต่ำที่สุดในการเกิดอาการบาดเจ็บในบรรดารถยนต์ที่ได้รับการทดสอบโดยสำนักงานความปลอดภัยด้านการคมนาคมบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐ (NHTSA)
 
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ (CPI) เดือนก.ย.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 0.2% โดยหากตัวเลข CPI ดีดตัวขึ้นมากกว่าระดับ 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
 
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
 
--อินโฟเควสท์
OO14769

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!