หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
AIRA
Market Outlook : บล.ไอร่า
 
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
 
SET1,654.92  +15.78
 SET501,093.47  +13.15
 SET1002,423.44  +27.40
 
มูลค่าการซื้อขาย
 หน่วย (ลบ.)
 
มูลค่าการซื้อขาย
 63,135.87
 
สถาบัน
 +3,197.41
 
บัญชีหลักทรัพย์
 -386.94
 
ต่างประเทศ
 -32.70
 
ในประเทศ
 -2,777.77
 
 
P/E (เท่า)18.81
 P/BV (เท่า) 1.84
 Dividend Yield (%)3.07
 
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
 
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +41.03, NASDAQ -10.51, S&P +1.88, FTSE +22.86, CAC +30.51 และ DAX +100.40
 
หลังเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนในระดับต่างๆ ได้จัดการเจรจาการค้าในวันพฤหัสบดี (5/9/62) ขณะที่การเจรจาจะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
 
อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ และจีน ได้เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าตามแผนการเดิมแล้วตั้งแต่ 1/9/62 (ตั้งแต่เวลา 11.00 น. ตามเวลาไทย) โดยสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษี 15% จากสินค้าจีนมูลค่าประมาณ 1.25 แสนล้านUSD
ซึ่งรวมถึง สมาร์ทวอทช์ ทีวีจอแบน และรองเท้า พร้อมกับจีนเริ่มเก็บภาษี 5% จากการนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ เช่นกัน
 
ทางด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ (1) การใช้จ่ายของผู้บริโภค - ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.6% ดีกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 0.3% เมื่อมิ.ย. (2) ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)  - ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.2%MoM หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อมิ.ย. และเพิ่มขึ้น 1.4%YoY หลังจากเพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อมิ.ย. และ (3) ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค - ส.ค. อยู่ที่ 89.8 ลดลงจาก 98.4 เมื่อก.ค. และต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 92.1 และต่ำกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 97.0
 
 
 
ราคาน้ำมันดิบ(NYMEX) ส่งมอบเดือน ต.ค. -US$1.61 อยู่ที่ US$55.10ต่อบาร์เรล ภายใต้ความกังวลความต้องการน้ำมันที่อ่อนแอ จากความไม่แน่นอนทางการค้า อาจทำให้ความต้องการน้ำมันดิบลดลง และส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน
 
ขณะเดียวกัน รมว.พลังงานรัสเซีย ระบุว่า การปรับลดการผลิตน้ำมันของรัสเซียในเดือนส.ค. จะน้อยกว่าที่ตกลงไว้ภายใต้ข้อตกลงกับโอเปกและผู้ผลิตนอกโอเปก
 
อย่างไรก็ตามได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้าง จากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ที่มีการใช้งาน ล่าสุด ลดลง 12 แท่น อยู่ที่ 742 แท่น หลังจากลดลง 16 แท่น ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับแต่เดือนเม.ย.
 
ราคาทองคำ(COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$7.5 อยู่ที่ US$ 1,529.4 ต่อออนซ์  ยังได้รับปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้สัญญาทองคำมีความน่าสนใจลดลง
 
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -33 ล้านบาท ยอดสะสม
+6,429 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาทและ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท ส่วนปี’60 และ 61 ขายสุทธิสะสม 25,755 ล้านบาท และ 287,459 ล้านบาท)
 
ประเด็นที่ต้องติดตาม 2 – 5 ก.ย.’62
 
2/9/62 ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
 
3/9/62 สหรัฐฯ เปิดเผย
 
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค.
ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.
การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ค.
4/9/62 สหรัฐฯ เปิดเผย
 
ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.ค.                  
ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนส.ค.
รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟด
5/9/62 สหรัฐฯ เปิดเผย
 
ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.จาก ADP
ผู้ขอรับสวัสดิการ
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.
จากมาร์กิต
ดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค.
สต็อกน้ำมัน
 
 
ทิศทางตลาด
 
ผันผวน? โดยยังให้น้ำหนักที่ประเด็นต่างประเทศ ซึ่งคาดยังมีความไม่แน่นอนและอาจสร้างความผันผวนตามการส่งสัญญาณที่อาจออกมา บวก/ลบ โดยเฉพาะประเด็นสงครามการค้าที่เริ่มเข้าสู่การเจรจาอีกครั้ง (คาดในวันที่ 5/9/62 นี้) และคาดต้องใช้ระยะเวลาในการเจรจา หากผลการเจรจาในครั้งนี้มีความชัดเจนและส่งสัญญาณที่ดี คาดช่วยลดข้อขัดแย้งทางการค้า รวมถึงลดความกังวลผลกระทบของสงครามการค้าที่มีต่อเศรษฐกิจโลก แนะติดตามสินค้ากลุ่ม Commodity ที่คาดได้รับปัจจัยบวกดังกล่าว คาดช่วยให้ความต้องการกลับมา แต่หากยังไม่สามารถตกลงกันได้คาดเป็นปัจจัยที่กลับมากดดันภาพรวมตลาดอีกครั้ง พร้อมคาดมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
 
ขณะที่ 2 ประเทศ มีการเริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกัน (บางส่วน) ตั้งแต่เมื่อวาน (1/9/62) โดยสหรัฐฯ เก็บ 15% มูลค่า ประมาณ 125,000 ล้านUSD (จากวงเงินทั้งหมด 300,000 ล้านUSD) และจีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ 5% (จากแผนที่จะเก็บ 5 – 10% วงเงิน 75,000 ล้านUSD)
 
นอกจากนี้ในวันที่ 1/10/62 สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน วงเงินเดิม 250,000 ล้านUSD เป็น 30% จากปัจจุบันที่ 25%
 
 
 
และยังแนะติดตาม Inverted Yield Curve หลัง Bond Yield สหรัฐฯ อายุ 2 ปี สูงกว่า 10 ปี ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่อง พร้อม Bond Yield อายุ 30 ปี ต่ำกว่าระดับ 2.0% คาดยังมีความกังวลต่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มถดถอยในระยะเวลา 1 – 2 ปีข้างหน้า ทำให้คาดภาพรวมยังคงมีผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ และพันธบัตร เป็นต้น
 
 
 
ขณะที่ติดตามการประชุมเฟด 17 – 18/9/62 คาดมีโอกาสสูงที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลง แม้การกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟดไม่ส่งสัญญาณชัดเจนการลดอัตราดอกเบี้ย แต่ยังให้ความสำคัญต่อการขยายตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจาก Trade War ขณะที่ GDP – 2Q/62 ของสหรัฐฯ ขยายตัว 2.0% ต่ำกว่าประมาณการครั้งแรกที่ 2.1%
 
 
 
ทางด้านประเด็นในประเทศ อาจได้รับ Sentiment ลบเข้ามาบ้าง หลังมีการเลื่อนประชุม ครม.เศรษฐกิจ จากก่อนหน้าคาดหวังจะมีมาตรการกระตุ้นการลงทุนและการส่งออก หลังการกระตุ้นการบริโภคและการท่องเที่ยวไปแล้ว ทำให้คาดแนวโน้มเศรษฐกิจ 2H/62 เติบโตดีกว่า 2.6% เมื่อ 1H/62 พร้อมกับ Fund Flow ที่ยังมีการสุทธิออกมาต่อเนื่องของต่างชาติ โดยเฉพาะตั้งแต่ต้น ส.ค. ขายสุทธิออกมาสูงกว่า 54,000 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมลดลงเหลือเพียง 6,429 ล้านบาท
 
 
 
และยังแนะจับตา
 
(1) กลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่รายได้มีความมั่นคง เช่น BGRIM, GULF และ CKP เป็นต้น
 
(2) กลุ่มการเงิน คาดผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง เช่น MTC และ SAWAD เป็นต้น
 
(3) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม จากโครงการ EEC เช่น AMATA และ WHA เป็นต้น
 
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างจากแผนการลงทุนโครงการภาครัฐต่อเนื่อง จากรัฐบาลใหม่ เช่น STEC และ CK เป็นต้น
 
 
 
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี -0.010 อยู่ที่ 1.506% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
 
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +1.10 มาอยู่ที่ 18.98
 
 
 
หุ้นแนะนำ - ประจำวัน : SPALI
 
หุ้นแนะนำ - ก.ย.’62 : ADVANC, ASK, PTG, SEAFCO, SPALI และ TKN
 
 
 
หุ้นแนะนำ 
 
SPALI : คาด Div.Yield ประมาณ 5.5%
 
จากการผ่อนปรนการนับสัญญาการกู้ร่วมของมาตรการ LTV คาด SPALI เป็น 1 ในผู้ประกอบการที่ได้รับประโยชน์ดังกล่าว จากผลิตภัณฑ์ที่เน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง - ล่าง และมีสัดส่วนการกู้ร่วมสูงกว่า 71%
ขณะที่กลยุทธ์การขายคอนโดของ SPALI ยังเน้นกลุ่ม Real Demand เก็บเงินดาวน์ไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ทำให้ Backlog ของ SPALI ที่มีอยู่เป็น Backlog ที่มีคุณภาพ คาดมีความพร้อมโอนเมื่อโครงการแล้วเสร็จ
คาดปี’62 มีกำไรสุทธิ 6,255 ล้านบาท เติบโต 8% ภายใต้ Backlog สิ้น 2Q/62  มูลค่า 10,189 ล้านบาท หรือประมาณ 76%ของประมาณการรายได้ทั้งปี พร้อมคาดส่วนที่เหลือมาจากการขายพร้อมโอนโครงการแนวราบ รวมถึงแผนของ SPALI จะเปิดโครงการใหม่ไม่ต่ำกว่า 21 แห่ง
SPALI ยังมีจุดเด่นจากความสามารถทำกำไร โดยเฉพาะ Gross Profit Margin สูงสุดในอุตสาหกรรม พร้อมคาด Div.Yield ประมาณ 5.5% ทำให้ยังแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมาย 24.00 บาท
 
 
หุ้นในข่าว (ข่าวหุ้น 02/09/62)
 
คลังโอนวายุภักษ์เพิ่มทุน ซื้อ TMB-TCAP ดีทั้งคู่ ผลประโยชน์ทหารไทยเพิ่ม 1.3 หมื่นล.หลังควบรวม
 
กองทุนวายุภักษ์เตรียมเสนอ “อุตตม สาวนายน” รมว.คลัง เพิ่มทุนแบงก์ทหารไทย 1.5 หมื่นล้านบาทภายในต้นเดือน ก.ย.นี้ ก่อนประชุมผู้ถือหุ้น โบรกฯคาดผลประโยชน์ TMB เพิ่ม 1.3 หมื่นล้านบาท หลังควบรวมธนชาต ราคาเป้าหมาย 1.83 บาท ด้าน TCAP ปันผลเฉลี่ยเพิ่มเป็นปีละ 7% ในระยะยาว เป้า 61 บาท
 
ข้อมูล Consensus (www.settrade.com) : ราคาเป้าหมายเฉลี่ย TMB 1.98 บาท, TCAP 59.75 บาท
 
SAWAD คงเป้าโต 30% ORI-III มั่นใจครึ่งหลังแจ่ม
 
บมจ.ศรีสวัสดิ์ฯ (SAWAD) ฟันธง!รายได้เติบโตตามเป้าหมาย 20-30% พร้อมคุมหนี้เสียปีนี้ไม่เกิน 5% ด้าน ORI มั่นใจรายได้รวมปีนี้โตทะลุเป้า 1.9 หมื่นล้านบาท ลุยเปิดเพิ่มอีก 8 โครงการในครึ่งปีหลัง ขณะที่ III ลั่น! ครึ่งปีหลังแจ่ม รับไฮซีซั่นนำเข้า-ส่งออก หนุนดีมานด์ขนส่งสินค้าพุ่ง ดันรายได้ปีนี้เข้าเป้าโต 20%
 
ข้อมูล Consensus (www.settrade.com) : ราคาเป้าหมายเฉลี่ย SAWAD 59.91 บาท, ORI 10.36 บาท
 
'ศิวะ’ฟ้อง RATCH คดีหงสา 6,457 ล้าน
 
“ศิวะ งานทวี” ส่ง “ไทยลาวลิกไนท์” ฟ้อง RATCH คดีละเมิดความลับการค้าโครงการโรงไฟฟ้าหงสา เป็นเงิน 6,457 ล้านบาท ฟาก RATCH ลั่นพร้อมต่อสู้คดี มั่นใจเต็มที่ ไม่มีตั้งสำรองฯ ส่วน BANPU ราคาพุ่ง 10.43% หลังบอร์ดอนุมัติซื้อหุ้นคืน 7.50%
 
ข้อมูล Consensus (www.settrade.com) : ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 74.22 บาท
 
SCC ทุ่มงบลงทุน 4.34 พันล้าน ซื้อหุ้น Visy Thailand 80% เสริมแกร่งบรรจุภัณฑ์
 
“SCC” ส่ง “เอสซีจี แพคเกจจิ้ง” ทุ่มงบลงทุนกว่า 4,341 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น “Visy Thailand” ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารในสัดส่วน 80% เพื่อเสริมแกร่งธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร คาดเริ่มบันทึกงบกำไรขาดทุนเข้ามาตั้งแต่ก.ย.นี้ เป็นต้นไป
 
ข้อมูล Consensus (www.settrade.com) : ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 471.00 บาท
 
TTW คาดยอดขายน้ำโต 2-3% หนุนรายได้ปีนี้มากกว่าปีก่อน
 
“ทีทีดับบลิว” มั่นใจรายได้ปีนี้มากกว่าปีก่อน คาดปริมาณการขายน้ำเติบโต 2-3% จากปีก่อนอยู่ที่ 321.28 ล้านลูกบาศก์เมตร หลังมีการขยายฐานผลิตและจำหน่ายน้ำประปาแห่งที่ 2 อ.กระทุ่มแบน เฟสแรก ขนาดกำลังการผลิต 100,000 ลบ.ม./วัน
 
ข้อมูล Consensus (www.settrade.com) : ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 14.52 บาท
 
NCH คาด Q3 พลิกมีกำไร ย้ำรายได้ปีนี้ 1.8 พันล้าน เล็งเปิดใหม่ 5 โครงการ
 
NCH คาดผลงานไตรมาส 3/62 ฟื้น! ลุ้นรายได้พุ่ง-พลิกกลับมามีกำไร ย้ำรายได้รวมปีนี้ตามนัด 1,800 ล้านบาท หลังตุนแบ็กล็อก 266 ล้านบาท เล็งเปิด 5 โครงการ มูลค่ารวม 2,981 ล้านบาทในครึ่งปีหลัง ดันยอดขายปีนี้ 2,800 ล้านบาท
 
ข้อมูล Consensus (www.settrade.com) : ราคาเป้าหมายเฉลี่ย - บาท
 
SUPER รายได้ปี 63 โต 7,761 ล้าน ปักธงกำลังผลิตไฟฟ้าพุ่ง 1,510 เมกะวัตต์
 
“ซุปเปอร์” กางแผนปีหน้าตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้าพุ่ง 1,510 เมกะวัตต์ เหตุมีโรงไฟฟ้าในไทย-ต่างประเทศจ่อคิว COD เพิ่มอีก 486 เมกะวัตต์ ดันรายได้ปีหน้าแตะ 7,761 ล้านบาท โตกว่า 20% จากปีนี้คาดทำได้ 6,450 ล้านบาท หลังสิ้นปีนี้คาดกำลังการผลิตไฟฟ้ามาตามนัด 1,024 เมกะวัตต์
 
ข้อมูล Consensus (www.settrade.com) : ราคาเป้าหมายเฉลี่ย - บาท
 
BAFS ชิงงานบริการน้ำมันอู่ตะเภา จ่อลุยขยายท่อขนส่งน้ำมันไปพม่า
 
“BAFS” เตรียมเข้าประมูลงานบริการจัดเก็บและเติมน้ำมันในสนามบินอู่ตะเภา มั่นใจคว้าชัยชนะยันประสบการณ์สูง พร้อมเดินหน้าลงทุนขยายท่อขนส่งน้ำมันจากพิจิตรไปเมียนมา สอดรับนโยบายรัฐหนุนไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน
 
ข้อมูล Consensus (www.settrade.com) : ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 40.33 บาท
 
PTTGC ลั่นรายได้ปีหน้าเด้ง! บุ๊กกำลังการผลิต 3 โครงการใหญ่ใน EEC
 
“PTTGC” คาดรายได้ปีหน้าเติบโต อานิสงส์รับรู้กำลังการผลิตใหม่เพิ่มอีกกว่า 1 ล้านตันต่อปี จาก 3 โครงการใหญ่ใน EEC บวกกับแนวโน้มค่าการกลั่นน้ำมัน(GRM) พุ่งรับมาตรการ IMO นอกจากนี้จ่อเซ็นสัญญา ALPLA เดินหน้าลงทุนโรงงานรีไซเคิล 4 ก.ย.นี้
 
ข้อมูล Consensus (www.settrade.com) : ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 67.86 บาท
 
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์     โทร. 02-080-2630

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!