หมวดหมู่: สภาอุตสาหกรรม

FTIวลลภ วตนาก


ค้าชายแดนปีนี้ส่อโต 5-10% สอท.จี้ผู้ผลิตไทยปรับกลยุทธ์สู้จีน

       แนวหน้า : นายวัลลภ วิตนากร รองประธาน สภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ได้ คาดการณ์ ภาพรวมการค้าชายแดนระหว่างไทยและกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา-ลาว-เมียนมาเวียดนาม) ในปี 2560 จะขยายตัวจากปีก่อนประมาณ 5-10% อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง ได้แก่ คู่แข่งที่สำคัญ เช่น จีน ที่ขณะนี้ เริ่มพัฒนาการผลิตแข่งขันกับไทยเป็นจำนวนมากขึ้น โดยอนาคตจีนอาจจะได้เปรียบไทย ในเรื่องต้นทุนราคาที่อาจจะต่ำกว่าแม้เป็นสินค้าคุณภาพ เพราะมีการผลิตจำนวนมาก ดังนั้น ผู้ประกอบการควรเรียนรู้และพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

      สำหรับ การค้าในช่วง 2 เดือนแรกของปี (มกราคม-กุมภาพันธ์) พบว่า การค้าชายแดนขยายตัวถึง 14% โดยมูลค่าการค้าชายแดนในกลุ่มซีแอลเอ็มวีเดือนมกราคม 2560 มีมูลค่าอยู่ที่ 1,833 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นอัตราการขยายตัว 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

       ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ 2560 มูลค่าการค้า ชายแดนอยู่ที่ 1,944 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น อัตราการขยายตัว 22.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน ขณะที่ตัวเลขการค้าในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอย่างไม่เป็นทางการคาดว่าจะเติบโตในระดับใกล้เคียงกับ 2 เดือนแรก ส่งผลให้คาดการณ์ ไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 14-15%

      "ขณะนี้ยังคงมองว่าตลาดซีแอลเอ็มวียังเป็นตลาดที่น่าจับตามอง เพราะตัวเลขการเติบโตของจีดีพี ในกลุ่มประเทศดังกล่าวยังคงเติบโตสูง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5-7% ดังนั้นคาดว่าน่าจะส่งผลให้กำลังซื้อยังสูงอยู่ โดยการค้าระหว่างไทยและซีแอลเอ็มวีน่าจะโตได้ 5-10% จากปีก่อนที่มีมูลค่าการค้า 2.32 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งก็ถือว่าโตจากปีก่อนหน้าคือปี 2558 ถึง 4.3%" นายวัลลภ กล่าว

      สำหรับ ปัจจัยบวกสำคัญ ที่จะส่งผลให้ การค้าชายแดนปีนี้เติบโตตามเป้าหมายส่วนใหญ่คาดว่าจะมาจากความต้องการใช้สินค้าของไทยในกลุ่มซีแอลเอ็มวียังสูงอยู่มากโดยเฉพาะสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้างทุกประเภท เพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มประเทศดังกล่าว เช่น กลุ่ม ปูนซีเมนต์ ฝ้า เมทัลชีท เป็นต้น

    ประกอบกับสินค้าไทยยังติดตลาดในด้าน คุณภาพที่สูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง และใช้วิธีทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น ขณะเดียวกันที่ผ่านมา ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีการใช้โมเดลพี่จูงน้องในการทำธุรกิจ โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ลงทุนในกลุ่มดังกล่าวอยู่แล้วมีการชักจูงและช่วยชี้แนะแนวทางให้รายเล็ก ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการเข้าไปขยายตลาดมากขึ้น

      นอกจากนี้ นโยบายระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการ รวมถึงการเชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยและเพื่อนบ้านให้มีความสะดวกมากขึ้น ส่งผลดีต่อการค้าและการลงทุนของประเทศ อย่างไรก็ตามแม้ว่าตลาดนี้จะมีแนวโน้มดีขึ้นทาง ผู้ผลิตไทยต้องปรับตัวสู้คู่แข่งโดยเฉพาะจีนด้วย

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!