'กอบศักดิ์'ยันเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3.5-4% ส่วนปีนี้ 4% รับส่งออก-ท่องเที่ยว-การลงทุนภาครัฐหนุน พร้อมยอมรับเงินบาทกลับมาอ่อนค่า หลังตั้งแต่ต้นปีเงินบาทแข็งค่า 7-8% เหตุหลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่ารับเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

      นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเป็นการอ่อนค่าตามค่าเงินในภูมิภาคหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณการดูดซับสภาพคล่อง โดยจะทยอยลดขนาดสินทรัพย์ลงเฉลี่ย 1 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน หรือ 1 แสนล้านดอลลาร์/ปี และ จะเริ่มปรับเพิ่มการลดขนาดสินทรัพย์เป็น 5 หมื่นล้านดอลลาร์หลังเดือนต.ค. 61 ซึ่งการส่งสัญญาณของเฟดในครั้งนี้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้น และทำให้ค่าเงินบาทเริ่มมีการอ่อนค่าลง

       แต่ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้น 7-8% เพราะการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์เป็นหลักที่อ่อนค่าลงมาแตะระดับ 91.5 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี แต่หลังจากวันที่ 20 ก.ย. เป็นต้นมาได้กลับขึ้นมาแข็งค่าที่ 93 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลการส่งสัญญาณการลดขนาดสินทรัพย์ของเฟด และ ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับข้างที่ค่าเงินดอลลาร์จะเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น และ ยังเชื่อว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนธ.ค.60 ซึ่งจะเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐครบ 3 ครั้งในปีนี้

       อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงส่งผลต่อความผ่อนคลายในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการประชุมเดือนพ.ย. เพราะแนวโน้มค่าเงินค่าเริ่มเห็นสัญญาณการอ่อนค่าลงทำให้มองว่ากนง. จะยังไม่จำเป็นที่ต้องใช้การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และ ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.5% ต่อปี

        ด้านอัตราการขยายของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังคาดว่าจะขยายตัว 3.5-4% โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/60 ยังมีแนวโน้มการขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากปัจจัยหนุนการท่องเที่ยวที่สู่ไฮซีซั่น และ การกลับมาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวจีน การส่งออก และ การลงทุนภาครัฐ ซึ่งจะเริ่มมีโครงการต่างๆออกมา เช่น โครงการรถไฟรางคู่ มูลค่า 4 แสนล้านบาท และ การลงทุนสนามบินทั้ง 3 แห่ง มูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมการลงทุนรถไฟใต้ดิน และ รถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะเริ่มทยอยเปิดประมูล โดยรัฐบาลจะพยายามเร่งผลักดันให้โครงการลงทุนของรัฐออกมาภายใน 1 ปี หรือ ก่อนปลายปี 61

       "การบริโภคในประเทศยังไม่ฟื้นตัวขึ้น เพราะรายได้จากเกษตรยังอยู่ในระดับต่ำ และยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัว รวมไปถึงการบริโภคของคนชั้นกลางที่ชะลอตัวทำให้การบริโภคในประเทศในภาพรวมยังคงชะลอตัว ซึ่งรัฐบาลจะต้องประเมินอีกครั้งในช่วงเดือนพ.ย. ที่จะถึงนี้ ซึ่งหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นคาดว่ารัฐบาลจะออกมาตรากระตุ้นในช่วงเดือนพ.ย.นี้"นายกอบศักดิ์ กล่าว

      สำหรับ เศรษฐกิจไทยในปี 61 จะขยายตัวได้ 4% จากการปฏิรูปประเทศของภาครัฐ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจต่อไป

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย