แมนพาวเวอร์ชี้ทิศทางแรงงานใหม่ Gig จากกระแสโลก สู่กระแสในไทย

      คาดจากเดิมที่มีอัตราส่วนร้อยละ 30 ในประเทศจะเติบโตสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจเศรษฐกิจยุคไทยแลนด์ 4.0

      แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย เผยผลสำรวจจากกระแสแนวโน้มทิศทางแรงงานเปลี่ยนเข้ากับกระแสการทำงานมิติใหม่ที่ทั่วโลกให้ความสนใจกับ GigResponsibly หรือสังคมในประเทศไทยอาจคุ้นชินกับคำว่า Gig Economy ซึ่งคือเศรษฐกิจที่ถูกขับเคลื่อนด้วยการทำงานของสังคมยุคใหม่ที่ต้องการความมั่นคงในชีวิตจากการมีทักษะสร้างงาน สร้างอาชีพสู่การมีรายได้ที่มากขึ้นแต่ขณะเดียวกันก็ยังรักษาสมดุลในชีวิตไว้ได้ ซึ่งจากฐานเดิมในประเทศได้มีจำนวนแรงงานกลุ่มดังกล่าวอยู่ร้อยละ 30 และในอนาคตจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 โดยครั้งนี้ถือเป็นการเผยผลการเติบโตของแรงงานที่ทั่วโลกเรียก Gig Worker (แรงงานระยะสั้น) เพื่อให้ประเทศไทยเตรียมพร้อมรับมือในอนาคตพร้อมวางแผนตั้งรับในระยะยาว 

     นางสาวสุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า GigResponsibly มีการเติบโตของแรงงานกลุ่มนี้จำนวนมากในช่วง 10 - 15 ปีที่ผ่านมา เกิดลักษณะการทำงานของคนยุคใหม่ที่ออกจากกรอบแบบเดิม ๆ  หรืองานในลักษณะทางเลือกมากยิ่งขึ้น “โจนัส ไพรซิง (Jonas Prising) ประธานบริษัท และซีอีโอ แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ให้นิยามไว้ว่า “สิ่งที่คนต้องการกำลังเปลี่ยนแปลง คือ พวกเขาต้องการทำงานเป็นระยะเวลานานขึ้น ต้องการเรียนรู้มากขึ้น มองหาสมดุลที่ดีขึ้นระหว่างงานและครอบครัว ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการรับจ้างเป็นพนักงานเต็มเวลาและองค์กรเองก็ไม่ต้องการจ้างพนักงานลักษณะนี้เสมอไปเช่นกัน สิ่งที่สร้างความมั่นคงให้แก่การทำงาน โอกาสในการเติบโต ความเจริญก้าวหน้าสำหรับตัวบุคคลและประเทศชาติก็คือ ทักษะต่าง วิธีการทำงานแบบใหม่ ๆ” คนร้อยละ 87 ทั่วโลกเปิดใจให้กับการทำงานรูปแบบใหม่ (NextGen Work)  เหตุผลหลักในการทำงานรูปแบบใหม่ คือ การมีรายได้เพิ่มขึ้น (ร้อยละ 38) การพัฒนาทักษะใหม่ๆ (ร้อยละ 33) และประสิทธิภาพในการควบคุมตารางเวลา (ร้อยละ 32) รับผิดชอบดูแลด้านต่างๆของชีวิตตัวเองและคนในครอบครัวเพื่อรักษาสมดุลชีวิตในเวลาเดียวกัน

     “แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย มองถึงปรากฏการณ์ Gig Responsibly แรงงานยุคใหม่ที่ทั่วโลกให้คำนิยามว่าเป็นวิธีการทำงานรูปแบบใหม่แห่งอนาคตที่ตลาดแรงงานต้องหันมาให้ความสนใจ จากการสำรวจในกลุ่มคนจำนวน 9,500 คนใน 12 ประเทศ โมเดลการทำงานทางเลือกที่ทั่วโลกให้ความสนใจ และประเทศไทยที่เข้ามามีบทบาทและกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก Gig เป็นลักษณะของการทำงานระยะสั้น มีความเป็นอิสระ รับงานเป็นครั้งๆ และทำงานได้หลากหลายในเวลาเดียวกัน ได้แก่ งานนอกเวลา งานด่วน งานจ้างตามสัญญา งานชั่วคราว งานอิสระ งานรับเหมา งานออนไลน์และการทำงานบนแพลตฟอร์มต่างๆ กำลังมีบทบาทความสำคัญต่อภาคธุรกิจและแรงงาน ความต้องการความยืดหยุ่นและแนวทางการทำงานแบบใหม่ ๆ ที่สามารถบูรณาการเรื่องงานและครอบครัวเข้าด้วยกันถือเป็นสิ่งที่แรงงานยุคใหม่ต้องการและมองหา”

       นางสาวสุธิดา กล่าวว่า GigResponsibly ถือเป็นวิธีการทำงานในมิติใหม่ของประเทศไทยที่ควรจับตามอง เพราะจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของนโบยาย Thailand 4.0 ด้วยปัจจัยหลัก คือ 1. เป็นแรงงานที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม 2. จะเป็นแรงงานที่เปลี่ยนรูปแบบการจ้างงานของโลกอนาคต 3. เปลี่ยนวิถีชีวิตของแรงงานเป็นผู้ประกอบการ 4. เปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจากทุนนิยมเป็นทักษะนิยม 5. เป็นการกระจายรายได้ให้เข้าถึงแรงงานในทุกกลุ่มช่วยลดความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม 6. แรงงานจะยกระดับสู่การเป็นแรงงานคุณภาพสูงที่มีการพัฒนาทักษะและเรียนรู้ตลอดเวลาตามเทคโนโลยีและทักษะที่ต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป  GigResponsibly จะเกิดขึ้นทุกกลุ่มแรงงาน ทุกช่วงวัย ทั้งแรงงานในระบบและนอกระบบ เหตุผลเพราะทุกคนอยากมีรายได้ที่มากขึ้น มีความยืดหยุ่น อยากมีทางเลือก และที่สำคัญยังต้องการความมั่นคงอีกด้วย

      นางสาวสุธิดา กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับตัวในอนาคตของประเทศไทยทั้งภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ และนายจ้างจากแนวคิดของแรงงานกลุ่ม Gig Responsibly ที่ปัจจุบันมีถึงร้อยละ 30 ในอัตราส่วนแรงงาน 65 ล้านคนในประเทศ องค์กรต้องปรับตัวทั้งโครงสร้างและรูปแบบการจ้างงานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยมีทั้งแรงงานประจำ มีการใช้ Outsource การจ้างงานแบบชั่วคราวและสัญญาจ้างในระยะเวลาต่างๆ  ซึ่งทิศทางจะเริ่มมีการสอดรับกันมากขึ้น และถือเป็นทิศทางที่ดี ซึ่งแรงงานที่มีทักษะการทำงานเฉพาะด้านจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น ดังนั้น ภาคแรงงานจึงต้องปรับตัวด้วย 5 ทักษะดังนี้ 1. มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่หลากหลาย 2. มีวินัยและความรับผิดชอบสูง 3. การบริหารจัดการชีวิต 4. มีความยืดหยุ่นรับมือความหลากหลาย 5. เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต

    การทำงานในรูปแบบ GigResponsibly จะมีลักษณะการทำงานที่เดินเคียงคู่กับเทคโนโลยีด้วยอินเตอร์เน็ตที่ทำให้ทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านแพลตฟอร์มต่างๆที่อำนวยความสะดวกให้ทำงานได้หลายหลายในเวลาเดียวกัน ดังนั้นจึงมีอาชีพที่เกิดใหม่และดับสลายไป มีอายุการทำงานที่สั้นลงไปตามเทรนด์เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป สังคมและเศรษฐกิจจะเปลี่ยนจากลักษณะทุนนิยมมาเป็นทักษะนิยม โดยให้ความสำคัญในแรงงานที่มีทักษะการทำงานที่มีประสิทธิภาพเน้นผลลัพธ์มากกว่าวิธีการ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต ไม่เพียงเท่านั้นขีดความสามารถของแรงงานในกลุ่มดังกล่าวจะมีสูงมาก จะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 1 ช่องทาง อาจทำงานประจำไปด้วยและมีอาชีพเสริมต่างๆ นำมาซึ่งรายได้ที่มากขึ้น คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เกิดการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และจะเป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคไทยแลนด์ 4.0 ต่อไป” นางสาวสุธิดากล่าวทิ้งท้าย