ธนารักษ์ เผยกฤษฎีกาตีความที่ดินสนามบินสมุยไม่ใช่ที่ราชพัสดุ แต่เป็นที่สาธารณประโยชน์ ยันจากนี้ BA ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า 1 ลบ./ปี ฟาก BA ไม่ติดใจ ยันไม่ฟ้องร้องค่าเช่าคืน

        นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยกับสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ ไทย ว่า ขณะนี้กรมฯได้หารือกับ ทางบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA แล้ว หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุว่า พื้นที่ที่กรมธนารักษ์ได้จดแจ้งเป็นที่ราชพัสดุบริเวณปลายรันเวย์ ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นั้นไม่สามารถจดแจ้งเป็นที่ราชพัสดุได้ เนื่องจาก ที่ดินดังกล่าวเป็นสาธาณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ซึ่งหากจะนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ต้องดำเนินการถอนสภาพตามกฎหมายก่อน แม้ว่า กรมธนารักษ์จะนำที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุแล้ว แต่ยังถือว่าที่ดินดังกล่าวเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน

       โดยล่าสุดกรมธนารักษ์ได้หารือกับ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เมื่อวานนี้ โดยทางบางกอกแอร์เวย์ ยืนยันว่าจะไม่เรียกร้องค่าเสียหาย หรือ ค่าเช่าที่เคยทำสัญญากับกรมธนารักษ์ไว้ในช่วงตลอดเวลาสัญญาที่เริ่มทำตั้งแต่ปี 2542   

       สำหรับ สัญญาเช่าที่ราชพัสดุระหว่างกรมธนารักษ์กับบริษัทการบินกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ทำขึ้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2542 มีระยะเวลาการเช่า 30 ปี ตั้งแต่ปี 2542-2572 โดยมีนายภุชงค์ รุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีในขณะนั้นลงนามร่วมกับนายประดิษฐ์ ทีฆกุล ตัวแทนบริษัทการบินกรุงเทพ มีนายวีระวุธิ ศรีเปารยะ ธนารักษ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีในขณะนั้น และนางสาวสำอาง เศรษฐสุข ลงนามในฐานะประธาน

      “เราได้ตกลงเรื่องค่าเช่าในตอนนั้น คือ ปีละประมาณ 8-9 แสนบาทต่อปี พอตีความเราก็บอกเลิกสัญญาแล้ว และหารือกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม มีข้อยุติร่วมกันในเรื่องของค่าเช่าที่ผ่านมา ซึ่งทางบางกอกแอร์เวย์ก็ไม่ได้ติดใจอะไร และไม่ได้เรียกร้องเงินจากรัฐ เพราะหลังจากนี้ การบินกรุงเทพ ก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าเช่าส่วนดังกล่าว ในขณะที่รัฐจะสูญรายได้ปีละประมาณเกือบ 1 ล้านบาทจากการยกเลิกสัญญานี้”นายพชร กล่าว

BA แจงเช่าที่ดินราชพัสดุสนามบินสมุยตามขั้นตอน-ทุกเที่ยวบินยังให้บริการตามปกติ

       บมจ.การบินกรุงเทพ (BA)ชี้แจงว่า กรณีความเห็นของกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับสถานะที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ.๙๕๘ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งตั้งอยู่ติดกับสนามบินสมุย ที่ทางกรมธนารักษ์ได้อนุญาตให้บริษัทในฐานะผู้ดำเนินกิจการสนามบินสมุย ทำสัญญาเช่าเพื่อใช้เป็นเขตปลอดภัยในการเดินอากาศว่าอาจจะมีลักษณะเป็นป่าพรุทำให้ไม่สามารถขึ้นทะเบียนเป็นที่ดินราชพัสดุได้นั้น

       "ขอยืนยันว่าทางบริษัทฯ ได้ทำการขอเช่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการที่ทางราชการกำหนดไว้ทุกประการ โดยทางสนามบินสมุยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสารเป็นสำคัญ และยังคงให้บริการทุกสายการบินที่มีเที่ยวบินขาเข้าและขาออกจากเกาะสมุยตามปกติทุกวัน"

       ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้การเปลี่ยนแปลงสถานะของที่ดินราชพัสดุแปลงดังกล่าวกระทบกับกิจการเดินอากาศซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของชุมชน ทางหน่วยงานราชการจึงได้เรียกผู้เกี่ยวข้องประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยมีอธิบดีกรมธนารักษ์ ตัวแทนจากกรมที่ดิน ตัวแทนจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และตัวแทนจาก BA โดยให้ความเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสถานะของที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ.๙๕๘ นั้นไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการปฎิบัติการบินและการดำเนินกิจการของสนามบินสมุย

      รวมทั้งไม่กระทบกับขนาดของอากาศยานและจำนวนเที่ยวบินที่ให้บริการ ณ สนามบินสมุยในปัจจุบัน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวได้รับความคุ้มครองตามประกาศกระทรวงคมนาคม พ.ศ.2535 อยู่แล้ว โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ.2479 ว่าด้วยการกำหนดเขตบริเวณใกล้เคียงสนามบิน หรือสถานที่ตั้งเครื่องอำนวยความสะดวกในการเดินอากาศให้เป็นเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ และห้ามมิให้ทำการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับที่บริษัทได้ขอเช่าพื้นที่ดังกล่าวเพื่อใช้เป็นเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ โดยมิได้มีการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์หรือมีสิ่งปลูกสร้างใดๆ ในบริเวณดังกล่าว

                อินโฟเควสท์