หมวดหมู่: พาณิชย์

MOC พมพชนก วอนขอพร


พาณิชย์เผย ธ.ค.60 CPI โต 0.78% Core CPI โต 0.62% พร้อมมองกรอบปีนี้ 0.6-1.6%

     กระทรวงพาณิชย์ เผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ในเดือน ธ.ค.60 อยู่ที่ 101.37 ขยายตัว 0.78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.08% จากเดือน พ.ย.60 ส่งผลให้ CPI เฉลี่ยทั้งปี 60 ขยายตัว 0.66%

      ส่วน Core CPI เดือน ธ.ค.60 อยู่ที่ 101.61 ขยายตัว 0.62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัว 0.02% จากเดือน พ.ย.60 ส่งผลให้ Core CPI เฉลี่ยทั้งปี 60 ขยายตัว 0.56%

      ขณะที่ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 101.70 ขยายตัว 0.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.23% จากเดือน พ.ย.60 ส่วนดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มอยู่ที่ 101.19 ขยายตัว 1.10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.01% จากเดือน พ.ย.60

      ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 61 ว่าจะอยู่ในกรอบ 0.6-1.6%

     น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือน ธ.ค.60 ที่เพิ่มขึ้น 0.78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการปรับขึ้นของราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ขยายระยะเวลาลดการผลิต ทำให้ราคาสินค้ากลุ่มพลังงานสูงขึ้น 4.06% ขณะที่กลุ่มอาหารสดลดลง 0.91% ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 60 เพิ่มขึ้น 0.66% ซึ่งอัตราเงินเฟ้อในระดับดังกล่าวถือว่าอยู่ในระดับที่เป็นไปตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

      "ทั้งปี 60 ที่ระดับ 0.66% เป็นอัตราที่ไม่สูงมากนัก แสดงว่าประชาชนมีค่าครองชีพสูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย กำลังซื้อภาคประชาชนดีขึ้น แต่ไม่ได้มากนัก โดยเฉพาะภาคเกษตร ซึ่งรัฐบาลคงต้องดูแลและให้การช่วยเหลือต่อไป...ภาพรวม CPI อยู่ในระดับที่เป็นไปตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทย" ผู้อำนวยการ สนค.ระบุ

     ส่วน CPI ในเดือน ธ.ค.60 ลดลง 0.08% จากเดือน พ.ย.60 เนื่องจากราคากลุ่มอาหารสดลดลง 0.63% จากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ทำให้ผลผลิตของผักสดและผลไม้เข้าสู่ตลาดมากขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ความต้องการบริโภคคงที่ ราคาจึงปรับลดลง ได้แก่ ผักชี คึ่นช่าย ต้นหอม ผักกาดหอม ส้มเขียวหวาน สับปะรด รวมทั้งการลดลงของเนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ และข้าวสารเจ้า ส่งผลให้หมวดอาหารและเครื่องดื่มลดลง 0.23%

      ขณะที่กลุ่มพลังงาน ลดลง 0.02% จากการปรับลดราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนตามราคาก๊าซในตลาดโลก และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีก สูงขึ้น 0.02% ส่งผลให้หมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 0.01% และสินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 0.33% จากการปรับภาษีค่าความหวานของเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ เช่น น้ำหวาน น้ำผลไม้ ชา และกาแฟสำเร็จรูปพร้อมดื่ม

       การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าในเดือน ธ.ค.60 มีดังนี้ สินค้าที่ราคาสูงขึ้น 114 รายการ เช่น น้ำหวาน น้ำผลไม้ ขนมหวาน ปลาทู กุ้งขาว กาแฟผงสำเร็จรูป ค่าเช้าบ้าน น้ำมันเชื้อเพลิง เบียร์ ค่าทัวร์ต่างประเทศ เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ราคาลดลงมี 118 รายการ เช่น ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว น้ำมันพืช ไข่ไก่ เนื้อสุกร ไก่สด ซีอิ๊ว ผงซักฟอก และน้ำยาล้างห้องน้ำ เป็นต้น ในขณะที่สินค้าอีก 190 รายการราคาไม่เปลี่ยนแปลง

    น.ส.พิมพ์ชนก ยังคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 61 ว่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเล็กน้อยอยู่ในกรอบระหว่าง 0.6-1.6% โดยคาดว่าจะเข้าใกล้ระดับ 1% ซึ่งเป็นฐานล่างตามกรอบนโยบายการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังได้เห็นชอบร่วมกันที่ 2.5% บวก/ลบ 1.5% หรืออยู่ในกรอบ 1-4%

     สำหรับ สมมติฐานอัตราเงินเฟ้อในปี 61 มาจากคาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโต 3.5-4.0% ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ในกรอบ 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน อยู่ที่ระดับ 33-35 บาท/ดอลลาร์

       ปัจจัยที่ยังช่วยสนับสนุน CPI ให้ปรับตัวสูงชึ้น คือ อุปสงค์ภาคครัวเรือนเริ่มฟื้นตัวสอดคล้องกับการผลิตและรายได้เกษตร และมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย, การส่งออกที่มีการขยายตัวต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของการค้าโลก และจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง รวมทั้งการใช้จ่ายภาครัฐในปีงบประมาณ 2561

    ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อ เช่น ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของคู่ค้าสำคัญที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย, ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน

      น.ส.พิมพ์ชนก ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปี 61 จะยังเติบโตได้ดี และจากข้อมูลดัชนีต่างๆ ที่ได้รวบรวมไว้ทำให้เห็นว่ารัฐบาลยังคงต้องดูแลและให้การช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกร, กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งรัฐบาลคงต้องเดินหน้าเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ต่อไป รวมทั้งให้การช่วยเหลือภาคธุรกิจ SMEs ให้สามารถใช้ประโยชน์จากดัชนีราคาต่างๆ ที่กำลังปรับตัวดีขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นภาคก่อสร้าง ภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งภาคการส่งออก

     ส่วนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาส 1/61 คาดว่าจะได้รับแรงผลักดันจากการจับจ่ายสินค้าช่วงเทศกาลตรุษจีนช่วงเดือนม.ค. และ ก.พ. แต่ทั้งนี้ในภาพรวมเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับไม่เกิน 1%

อินโฟเควสท์

เงินเฟ้อปี 60 ขยายตัว 0.66% ศก.ฟื้น-น้ำมัน-บุหรี่แพง คาด 61 ทะยานแตะ 1.6%

     ไทยโพสต์ : สนามบินน้ำ * 'พาณิชย์' เผยเงินเฟ้อปี 60 ขยายตัว 0.66% มาจากการเพิ่มขึ้นของน้ำมัน และราคาเหล้า บุหรี่แพงจากการขึ้นภาษีสรรพสามิต ส่วนปี 61 คาดเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 0.6-1.6% โดยมีแรงหนุนจากรายได้ภาคเกษตรดีขึ้น มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ส่งออกดี นักท่องเที่ยวเพิ่ม และภาครัฐเร่งใช้จ่าย

      น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน ธ.ค.2560 เท่ากับ 101.37 ลดลง 0.08% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย.2560 และเพิ่มขึ้น 0.78% เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.2559 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ทำให้เงินเฟ้อรวมทั้งปีเพิ่มขึ้น 0.66% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ประเมินไว้ว่าจะอยู่ในกรอบ 0.4-1.0%

       สาเหตุ ที่ทำให้เงินเฟ้อทั้ง ปี 2560 เพิ่มขึ้น 0.66% มาจาก การเพิ่มขึ้นของสินค้าหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม 1.04% โดยน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นตัวหลักที่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ทั้งปีเพิ่มถึง 9.55% รองลงมาเป็นหมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอ ฮอล์ เพิ่ม 2.73% จากการเพิ่มขึ้นของภาษีสรรพสามิต หมวดบันเทิง การอ่าน การศึกษา เพิ่ม 0.56% การตรวจรักษา เพิ่ม 0.29% เคหสถาน เพิ่ม 0.08% ส่วนการสื่อสาร ลด 0.03% เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ลด 0.01%

      ขณะที่สินค้าหมวดอา หารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอ ฮอล์ ลดลง 0.02% โดยผักสด ลด 5.55% ผลไม้ ลด 2.19% ข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ลด 1.98% ไข่และผลิตภัณฑ์นมลด 2.15% เนื้อสัตว์ เป็ดไก่และสัตว์น้ำ ลด 0.11% แต่เครื่องประกอบอาหาร เพิ่ม 1.23% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 0.88% อาหารบริโภคในบ้าน เพิ่ม 1.13% นอกบ้าน เพิ่ม 1.17%

     "เงินเฟ้อทั้งปี 2560 สอด คล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสะท้อนว่ากำลังซื้อดีขึ้น แต่ก็ยังถือว่าไม่มาก เพราะกลุ่มอา หาร โดยเฉพาะราคาสินค้าภาคเกษตรยังลดลง ซึ่งรัฐบาลจะต้องดูแลช่วยเหลือต่อไป ส่วนกลุ่มไม่ใช่อาหารสินค้าส่วนใหญ่ราคาทรงตัว ที่เพิ่มก็มาจากน้ำ มันเป็นหลัก และยังมีบุหรี่ เหล้า ที่เพิ่มขึ้นจากการขึ้นภาษี แต่ตัวอื่นที่เริ่มเห็นมีสัญญาณเพิ่มขึ้น อย่างราคาทัวร์ บริการด้านการท่องเที่ยวที่ขยายตัวตามการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น" น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว

    น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่าสำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสแรกปี 2561 คาดว่า จะยังคงทรงตัว แต่ละเดือนไม่น่าจะเพิ่มขึ้นถึง 1% โดยจะมีช่วงตรุษจีนที่ราคาอาจจะขยับขึ้นบ้างตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น ส่วนทั้งปี 2561 ประเมินว่าจะอยู่ในกรอบ 0.6-1.6% ซึ่งมีสมมติฐานจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย 3.5-4.0% ราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ย 50-60 เหรียญ สหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลก เปลี่ยนอยู่ที่ 33-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

       โดยมีปัจจัยหลักมาจาก การฟื้นตัวของรายได้เกษตรกร และการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มแรงงานมีรายได้เพิ่มขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจในเมืองท่องเที่ยวขยายตัวดีขึ้น และการ ใช้จ่ายภาครัฐที่จะเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคก่อสร้าง ที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น.

เงินเฟ้อบวกต่อเนื่อง 5 เดือนติดพาณิชย์ชี้ส่งสัญญาณเศรษฐกิจดีขึ้น

      แนวหน้า : นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยในการแถลงดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนธันวาคม 2560 ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินภาพรวมค่าครองชีพของประชาชนทั้งปี 2560 ว่ามีค่าครองชีพที่สูงขึ้นเล็กน้อย ขณะนี้กำลังซื้อยังทรงตัว ซึ่งสะท้อนถึงเศรษฐกิจของไทยที่มีสัญญาณดีขึ้นจึงส่งผลให้เงินเฟ้อในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีอัตราสูงขึ้นประมาณ 0.78% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั้งปี เฉลี่ย 0.66% โดยไปตามราคาเชื้อเพลิงและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ราคาสูงขึ้น ส่วนปี 2561 คาดเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 0.6-1.6%

     ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อปี 2560 สูงขึ้นตามการ ปรับขึ้นของราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ปรับขึ้นจากภาษีค่าความหวาน รวมถึงราคาภาคที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและภาคการก่อสร้าง แต่ในส่วนของหมวดอาหารสดทั้งปีลดลงอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงสินค้าคงทนราคา ไม่สูง เพราะกำลังซื้อสินค้ากลุ่มนี้ชะลอตัว โดยปี 2560 พบว่าค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้นเล็กน้อยจากปี 2559 แม้ว่ากำลังซื้อของประชาชนส่วนใหญ่ยังคงทรงตัวแต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจของกำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ดีขึ้นขณะที่ทางรัฐบาลจะพยายามดูแลทุกส่วน โดยเฉพาะภาคการเกษตรและภาคประชาชน

     อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อปี 2561 จะอยู่ในกรอบ 0.6-1.6% โดยตัวเลขจะเข้าใกล้ 1% ตามที่รัฐบาลคาดการณ์ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจประเทศหรือจีดีพี ขยายตัว 3-4% ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในกรอบ 33-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!